“การจะก้าวไปข้างหน้าเราจำเป็นต้องทิ้งบางสิ่งไว้ข้างหลัง”
ว่ากันว่าชีวิตก็เหมือนกับกระเป๋าเดินทางที่บรรจุสิ่งสำคัญต่างๆ ไว้ภายในมากมายและวันหนึ่งกระเป๋าใบนั้นก็ต้องเต็ม
เมื่อถึงตอนนั้นเราก็ต้องเลือกที่จะเอาบางสิ่งออกแล้วนำของสำคัญชิ้นใหม่เข้าไปทดแทนเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายของตัวเอง
กับชีวิตและการทำงานก็ไม่ต่างกันทุกคนล้วนมีเรื่องราว มีสิ่งสำคัญที่พาเราเดินมาถึงทุกวันนี้
แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะเอาทุกอย่างติดตัวไปด้วยได้ตลอดเวลา เมื่อถึงวันหนึ่งเราเองก็ต้องทิ้งบางสิ่งไป
โดยบทความจาก Forbes.com ได้อธิบายถึง 10 สิ่งที่ถ้าหากเราโยนมันทิ้งไปได้
ก็อาจทำให้ชีวิตและการทำงานของเรา “ก้าวหน้า” มากขึ้น ได้แก่
1) ความไม่ชัดเจนของหน้าที่
ในการทำงานเราอาจทำหน้าที่หลายอย่างทำให้บางคนมองว่าตัวเองเป็นได้ “ทุกอย่าง”
ซึ่งบ่อยครั้งเป็นจุดที่ทำให้บุคคลภายนอกสับสนว่าจริงๆ แล้วเรา “โดดเด่น” เรื่องอะไร
และ “ความสับสน” คือสาเหตุหนึ่งของการพลาดโอกาส
เพราะปกติคนเรามักจะให้ความไว้ใจกับ “ผู้เชี่ยวชาญ” ที่สามารถให้ในสิ่งที่ต้องการได้อย่าง “ชัดเจน” ที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการพนักงานเพิ่มเติม อันดับแรกเราก็คงต้องเลือกคุยกับแผนกบุคคล
หรือติดต่อ Recruitment Agency โดยตรง มากกว่าที่จะไปคุยกับฝ่ายอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง
2) ประสบการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง
ในการสมัครงานหลายคนมักเชื่อว่าการบอกเล่าถึง “ประสบการณ์” ทุกเรื่อง
ไม่ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำอยู่ ณ ปัจจุบันจะยิ่งดูน่าสนใจเพราะแสดงถึงการผ่านงานมาเยอะ
แต่ความจริงด้วยเวลาที่จำกัดและจำนวนของผู้สมัครทำให้ HR ต้องใช้วิธีการสแกนโปรไฟล์อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นสาเหตุที่เราไม่ได้งานก็อาจเกิดจากกรณี “ยาวไปไม่อ่าน”
3) ความอยากที่จะสมบูรณ์แบบ
ต้องยอมรับว่าโลกนี้ไม่มีอะไรที่ดีเลิศ 100% ทุกสิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาให้ดีขึ้นได้
และความกลัวที่จะผิดพลาด และยึดติดกับคำว่าสมบูรณ์แบบตลอดเวลาจะกลายเป็นการปิดกั้นโอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ
ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาตัวเอง (อ่านเพิ่มเติมได้ที่: ผลเสียของการเป็น Perfectionist)
4) นิสัยปฏิเสธไม่เป็น
การให้ความช่วยเหลือหรือทำสิ่งต่างๆ เพื่อคนอื่นเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่ทำแล้วจะดีเป็นผลดีกับตัวเรา
ซึ่งการติดนิสัย “ปฏิเสธไม่เป็น” อาจทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวเองรวมถึงเสียเวลาที่ควรจะไปทำในสิ่งที่มีค่า
มากกว่ายอมทำในสิ่งที่ความจริงเราไม่ได้ต้องการ
ดังนั้นเราควรหัดปฏิเสธให้เป็นบ้าง ช่วยเมื่อมีเวลา จัดลำดับความสำคัญให้ไม่ลำบากกับตัวเอง
และไม่ลืมที่จะ “เลือกทำ” ในสิ่งที่เป็นผลดีกับตัวเรา
5) ความคาดหวังในอดีต
เมื่อเรามีสังคม มีครอบครัว เพื่อนฝูงคนรอบข้างคงไม่แปลกที่เราจะ “หวังดี” ต่อกันอยากให้ประสบความสำเร็จ มีชีวิตที่ดี
บางครั้งก็มาจากคำแนะนำหรือคาดหวังอยากให้เป็นหรือทำในสิ่งที่เขาเหล่านั้นคิดว่าดี
ซึ่งกลายมาเป็นสิ่งที่เราแบกรับไว้ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง
6) ดูถูกตัวเองด้วยคำพูดแย่ๆ
เรามักถูกสอนให้ระวังการใช้คำพูดกับคนอื่น ควรใช้คำพูดที่ดี ไม่สร้างความบาดหมาง
ซึ่งความจริงก็เป็นสิ่งที่เราก็ควรทำกับตัวเองด้วยเช่นกัน
เลิกใจร้ายกับตัวเองด้วยคำดูถูกลองรักตัวเองให้เหมือนกับที่รักคนรอบข้าง
เปลี่ยนทัศนคติจากการมองแต่ข้อผิดพลาดเป็นการมองหาโอกาสของการพัฒนาแก้ไขแล้วใช้คำพูดดีๆ ชื่นชมตัวเองวันละนิด
เพื่อสร้างกำลังใจและ Growth Mindset ให้ตัวเราในทุกๆ วัน
7) การเปรียบเทียบด้วยความอิจฉา
เราคงเคยได้ยินใครๆ บอกว่า “อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น”
แม้จะเข้าใจแต่ความจริงก็อาจทำได้ยากเมื่อเรามีสังคมรอบข้าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปัจจุบันที่ใครๆ ก็อวดความสำเร็จใส่กันบน Social Media
เราอาจเห็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันมีหน้าที่การงานที่ดีกว่า เงินเดือนสูงกว่า
หรือเพื่อนร่วมงานที่ได้รับการโปรโมตก่อนแล้วเอามาคิดลบกับตัวเองว่า “ทำไมทำไม่ได้แบบเขา”
แต่ลึกลงไปมากกว่าคำว่าความสำเร็จ
เราต้องไม่ลืมว่าคนเราต่างกัน ต้นทุนของเรามีไม่เท่ากัน รวมถึงกว่าจะไปถึงจุดนั้นเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง
เปลี่ยนจากความอิจฉาเป็นการมองถึง “โอกาส” มองหาว่าอะไรที่ทำให้เขาแตกต่างเพื่อพัฒนาแก้ไขในจุดนั้น
แล้วสักวันเราเองก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
8) สิ่งเก่าๆ ที่ไม่ได้ส่งผลต่ออนาคต
“What got you here, Won’t get you there” – Marshall Goldsmith
ในยุคปัจจุบันที่สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและความรู้ทักษะเป็นสิ่งที่ “หมดอายุ” ได้
เราต้องยอมรับว่าสิ่งที่พาเรามาถึงตรงนี้อาจไม่สามารถพาเราไปต่อในอนาคต
ในทุกๆ การเปลี่ยนแปลงเราจำเป็นต้องแลกบางสิ่งเสมอ ดังนั้นไม่มีคำว่าตลอดไป เราต้องเปิดใจเพื่อรับสิ่งใหม่ๆ
และอะไรที่แบกไว้หนักเกินไปก็ควรรู้จักที่จะปล่อยวาง
9) คำแนะนำที่ไม่เกิดประโยชน์
การได้รับคำแนะนำจากคนรอบข้างไม่ใช่เรื่องยากซึ่งเราต้องแยกให้ออกระหว่าง “คำแนะนำ” กับ “ความคิดเห็น”
ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกเรื่องที่จำเป็นต้องนำไปทำตามโดยเฉพาะกับสิ่งที่ไม่จำเป็น หรือไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์
แทนที่จะขอคำแนะนำจาก “ใครก็ได้” เปลี่ยนเป็นเจาะจงไปหาคนที่เคยมีประสบการณ์
หรือสามารถให้คำแนะนำที่ช่วยแก้ปัญหากับเราได้จริงๆ
10) ความกลัวในใจ
“ความกลัว” คือกลไกทางธรรมชาติที่ต้องการจะป้องกันอันตรายเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ตัวเอง
แม้จะช่วยให้เราปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันความกลัวเองก็เป็นศัตรูอันดับหนึ่งของ “ความสำเร็จ”
อย่างที่หลายคนติดอยู่ใน Comfort zone ของตัวเองไม่ว่าจะกับการทำงาน หรือกระทั่งการใช้ชีวิต
เพราะการออกไปยังโลกที่ไม่คุ้นเคยหรือทดลองทำสิ่งใหม่ๆ มันยากเสมอ
ถ้าเราฝึกนิสัยแล้วเอาชนะความกลัวได้การเดินไปข้างหน้าจะง่ายขึ้นเมื่อไม่มีอุปสรรคเหล่านี้ขวางทางอยู่
อย่ากลัวที่จะมองหาโอกาสใหม่ๆ เลือกเส้นทางที่ใช่ในองค์กรที่ชอบ
ฝากโปรไฟล์ไว้กับเรา Reeracoen Recruitment
แปลและเรียบเรียงจาก: http://bit.ly/3JCV2VZ
#ReeracoenRecruitment #ReeracoenThailand
#Recruitment #Career #SelfImprovement