ไม่มีใครอยากโดนบริษัทให้ออก แต่ความจริงคือมันเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าคุณจะตั้งใจทำงานแค่ไหน หรือผลงานดีเพียงใด วันหนึ่งอาจเจอสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากเจอ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องตั้งสติให้ได้ เพราะการตัดสินใจผิดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้เสียสิทธิ์ เสียโอกาส หรือเสียเงินที่ควรได้
บทความนี้จะพาคุณเดินทีละขั้นตอน ตั้งแต่ ทำใจให้พร้อม → รวบรวมหลักฐาน → เข้าใจสิทธิ์ → เจรจา → วางแผนอนาคต → หางานใหม่อย่างมีระบบ
1️⃣ รวบรวมข้อมูลให้ชัดเจน เหตุการณ์ทุกอย่างต้องมีหลักฐาน
เมื่อบริษัทบอกให้ออก อย่าปล่อยให้ความตกใจทำให้คุณตัดสินใจแบบทันที
สิ่งที่ควรทำ:
- จดบันทึก วัน เวลา เหตุการณ์ และสิ่งที่พูดกัน ทุกครั้ง
- เก็บ อีเมลหรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง
- ตรวจสอบ สัญญาจ้างงานและนโยบายบริษัท ว่าการให้ออกถูกต้องตามข้อกำหนดหรือไม่
การมีหลักฐานชัดเจนจะช่วยให้คุณต่อรองได้ง่ายขึ้นและลดความเสี่ยงเรื่องปัญหากฎหมาย
2️⃣ เข้าใจสิทธิ์ของตัวเอง — รู้ก่อนจะเสียเปรียบ
คนทำงานส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์อะไรบ้างในกรณีโดนบริษัทให้ออก ซึ่งทำให้ไม่ได้รักษาสิทธิ์ของตัวเองอย่างเต็มที่เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้
สิ่งที่ควรรู้:
เงินชดเชยเลิกจ้าง คือเงินที่นายจ้างจ่ายให้ลูกจ้างกรณีถูกเลิกจ้างโดยไม่มีความผิด โดยคำนวณจากอายุงานและค่าจ้างสุดท้าย ซึ่งจะได้รับตามระยะเวลาทำงานดังนี้:
120 วัน – 1 ปี: ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างสุดท้าย 30 วัน
1 ปี – 3 ปี: ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างสุดท้าย 90 วัน
3 ปี – 6 ปี: ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างสุดท้าย 180 วัน
6 ปี – 10 ปี: ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน
10 ปี – 20 ปี: ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างสุดท้าย 300 วัน
20 ปีขึ้นไป: ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างสุดท้าย 400 วัน
- ลาออกจากงานโดยสมัครใจ
- สัญญาจ้างมีกำหนดระยะเวลาแน่นอน
- กระทำผิดอาญา ทุจริตต่อหน้าที่ หรือ จงใจทำให้นายจ้างเสียหาย
- ประมาทเลินเล่อจนเกิดความเสียหายร้ายแรง
- ฝ่าฝืนระเบียบการทำงานที่ได้เตือนแล้ว
- ละทิ้งหน้าที่ติดต่อกัน 3 วัน
- ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษา
- ค่าชดเชยพิเศษ: หากนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้า หรือแจ้งล่วงหน้าไม่ถึง 60 วัน จะต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้าง 60 วัน
- ภาษี: เงินชดเชยจากการเลิกจ้างจะได้รับยกเว้นภาษีบางส่วน ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 สามารถยกเว้นได้ไม่เกิน 600,000 บาท แต่หากเป็นการเกษียณอายุ จะต้องเสียภาษีเต็มจำนวน
- เงินประกันสังคม: สามารถเบิกกรณีว่างงาน
- ลาออก vs ถูกให้ออก
- ลาออกเอง → มักไม่ได้เงินชดเชย
- ถูกให้ออกโดยไม่สมัครใจ → ต้องได้รับเงินชดเชยตามกฎหมาย
ระวัง! ถ้าโดนให้ออกเพราะเลือกปฏิบัติ เช่น อายุ เพศ ศาสนา หรือเชื้อชาติ ถือเป็นผิดกฎหมายแรงงาน
3️⃣ เจรจาต่อรองอย่างชาญฉลาด ใช้หลักฐาน + ความสงบ
เมื่อคุณรู้สิทธิ์แล้ว ขั้นต่อไปคือ เจรจาอย่างเป็นระบบ
เทคนิคเจรจา:
- ขอ เหตุผลเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าทำไมถึงถูกให้ออก
- ต่อรอง วันสิ้นสุดการทำงาน, เงินชดเชย, โบนัส, สิทธิ์อื่นๆ
- ใช้ เอกสาร, อีเมล, พยาน สนับสนุนข้อเรียกร้อง
- พูดอย่างใจเย็นและเป็นมืออาชีพ จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ดีกว่าตอบโต้ด้วยอารมณ์
4️⃣ วางแผนการเงินและงานต่อ ทำวันนี้เพื่ออนาคต
โดนบริษัทให้ออกไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะพัง แค่ต้อง วางแผนให้รอบคอบ
สิ่งที่ควรทำทันที:
- จัดการค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุมจนกว่าจะมีรายได้ใหม่
- อัปเดต เรซูเม่, LinkedIn, ProFi
- ติดต่อ เครือข่ายเพื่อนร่วมงาน/อดีตหัวหน้า เพื่อขอ recommendation
- พิจารณาสมัครงานที่ตรงกับทักษะและเป้าหมายชีวิต
5️⃣ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ/ทนาย ลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจ
บางครั้งการโดนให้ออกอาจจะมีบางจุดที่เราไม่มั่นใจ ว่าถูกต้องมั๊ย เช่น
- ไม่ได้รับเงินชดเชยครบ
- มีการเลือกปฏิบัติหรือโดนเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
ทางออก:
- ปรึกษา ทนายแรงงาน / ที่ปรึกษา HR เกี่ยวกับสถานการณ์นั้นๆ
- ถ้าพบปัญหา → สามารถดำเนินการ ฟ้องร้องหรือเจรจาทางกฎหมาย ได้
รับมืออย่างมีสติ = รอด + ต่อยอด
การโดนให้ออกเป็นเรื่องเครียด แต่ถ้าใช้ 5 ขั้นตอนนี้ รวบรวมข้อมูล เข้าใจสิทธิ์ เจรจาต่อรอง วางแผนการเงินและงานต่อ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ คุณจะสามารถ ลดความเสี่ยงทางกฎหมาย, รักษาผลประโยชน์ตัวเอง และเปลี่ยนมันเป็นโอกาสใหม่ ได้
จำไว้ว่า การโดนให้ออกไม่ได้แปลว่าคุณหมดคุณค่า แต่เป็นสัญญาณให้เริ่มต้นใหม่อย่างเข้มแข็ง
สมัครงานใหม่อย่างชาญฉลาด ProFi – Talent Marketplace ที่ช่วยให้คุณ:
- เริ่มต้นสมัครงานใหม่ได้ในไม่กี่นาที
- เพิ่มโอกาสงานให้กับตัวเอง ให้องค์กรมีโอกาสเจอคุณมากขึ้น
- ได้รับโอกาสงานตรงสายงานและทักษะ
คลิกเลยเพื่อเริ่มต้นงานใหม่ทันที: สมัคร ProFi ที่นี่