ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เรา “สู้” สุดความสามารถแล้วหรือยัง?
สำหรับศึกมวยหยุดโลกระหว่าง “บัวขาว บัญชาเมฆ” และนักสู้หนุ่มหน้าหยก “โคตะ มิอุระ”
เราจะขอพูดถึงนักมวยเลือดเดือดจากแดนซามูไรที่ไม่ยอมให้อายุเป็นอุปสรรคในการพิสูจน์ตัวเองและเผชิญหน้ากับความท้าทาย
และเมื่อมีโอกาส โคตะ ก็ไม่กลัวที่จะวัดกับของแข็งอย่าง บัวขาว ที่อายุห่างถึง 20 ปี
นอกจากฝีมือการชกและหน้าตาที่ดูดี สิ่งที่น่าสนใจในตัวนักสู้วัย 20 คนนี้คือความมุ่งมั่นและความกล้า โคตะ อาจไม่ได้ผ่านประสบการณ์มากมาย
เคยขึ้นชกระดับอาชีพแค่ครั้งเดียว แต่สิ่งที่เขาพกมาสู้กับหนึ่งในนักมวยที่แข็งแกร่งที่สุดในวงการมวยไทยคือ “ใจ”
เพื่อพิสูจน์ตัวเองในเส้นทาง “นักมวยอาชีพ” ที่เขาหลงรัก
การแบกชื่อ “มิอุระ” ที่มาพร้อมความกดดัน
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ โคตะ เป็นที่จับตามองในสายตาของผู้คน โดยเฉพาะแฟนๆ กีฬาเป็นเพราะเขาไม่ใช่คนทั่วๆ ไป ไม่ได้เป็นเด็กหนุ่มโนเนม
แต่เขาเป็น “ลูกชาย” ของ “คาซึโยชิ มิอุระ” หรือ “คิงคาซู” ตำนานนักฟุตบอล กองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นที่ใครๆ ต่างรู้จัก
แน่นอนว่าในฐานะนักกีฬา การเป็นลูกชายของซูเปอร์สตาร์ของวงการนั้นย่อมมาพร้อมกับ “ความกดดัน”
ที่ต้องแบกชื่อ “มิอุระ” เอาไว้ทุกครั้งเมื่อลงแข่ง สำหรับหลายคนมันอาจเป็นภาระที่หนักอึ้ง
เหมือนกับแบกภูเขาไว้บนบ่า และเมื่อไรก็ตามที่พ่ายแพ้ก็จะถูกหินผามากมายหล่นทับ
แต่ไม่ใช่กับ โคตะ เขาภูมิใจที่จะประกาศให้โลกรู้ว่าเขาพร้อมจะใช้ชื่อ “มิอุระ” โดยไม่สนว่าศัตรูจะเป็นใคร เพราะเขาพร้อมจะเผชิญหน้าอย่างเต็มที่และคว้าชัยชนะมาให้ได้เสมอ
เส้นทางอาชีพของ “โคตะ” เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อปี 2021 ในการขึ้นชกสังเวียน MMA
โดยใช้กำปั้นคว้าชัยเหนือคู่แข่งแบบ TKO (Technical knockout) ไปตั้งแต่ยกแรกของการแข่งขัน
ถือเป็นการเปิดตำนานบทใหม่ของชื่อ “มิอุระ” กลายเป็น “คิงจูเนียร์” ในเส้นทางที่ต่างจาก คาซึโยชิ
“กล้าเลือกสิ่งที่รัก ปักหลักสู้เพื่อสิ่งที่เชื่อ”
หลายคนอาจสงสัยว่าพ่อเป็นนักบอล แต่ทำไมลูกกลายเป็นนักมวย
ส่วนมาก “ลูกชาย” มักจะได้รับอิทธิพลจากคนเป็นพ่อ ชอบอะไรคล้ายๆ กัน
ซึ่งจะเห็นได้จากนักกีฬามากมายที่ส่งเสริมผลักดันให้ลูกๆ เดินตามรอย
และสำนวนว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” ก็ยังคงใช้ได้กับกรณีของ โคตะ เพราะสาเหตุที่เขาเลือกเดินในเส้นทางนักมวย
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัว คิงคาซู เองก็ชื่นชอบกีฬามวยเป็นชีวิตจิตใจ ทำให้ โคตะ ได้ซึมซับ เริ่มสนใจตั้งแต่ยังเด็ก และได้เข้าสังกัดค่าย Brave หลังจากเรียนจบ
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับ โคตะ มิอุระ กันไปแล้ว เรามาถอดบทเรียนจากเส้นทางสู่การเป็นเจ้าสังเวียนของเขากันดีกว่า ยังจำได้ไหมในวัยเด็กเราชื่นชอบสิ่งไหน ฝันอยากเป็นอะไร และทุกวันนี้เราได้ลงมือทำหรือเข้าใกล้ความฝันนั้นขนาดไหนแล้ว?
เชื่อว่าทุกคนย่อมมี “ฝัน” ในวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือฝันยิ่งใหญ่ จนบางทีอาจดูเหมือนกับความเพ้อฝัน แต่หลายคนกลับยอมทิ้งมันไปเพราะ “ความกลัว” กลัวที่จะล้มเหลว กลัวที่จะผิดหวัง กลัวความกดดันทั้งจากตัวเองและคนรอบข้างจนยอมแพ้ไปเอง
แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดไม่ใช่การสู้แล้วแพ้ แต่เป็นการยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่สู้ต่างหาก
หากเราสู้ อย่างน้อยที่สุดคือความผิดพลาด ล้มเหลว หรือพ่ายแพ้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาจากการลุกขึ้นสู้ครั้งนั้นคือ “โอกาส” ที่จะได้เรียนรู้จากความผิดพลาด
และใครจะไปรู้ว่าจากความพ่ายแพ้ครั้งนั้น ครั้งต่อไปเราอาจหาวิธีเอาชนะก็ได้ เพราะถ้าไม่ลองก็จะไม่มีวันรู้ ถ้าไม่ลุกขึ้นมาสู้ก็จะไม่มีวันชนะ
แล้ววันนี้คุณลุกขึ้นสู้หรือยัง?
ติดตามบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม
เทคนิคเปลี่ยนชีวิต แค่ “เลิกคิดมาก” จัดการ IRONIC EFFECT ฉบับนักบาส NBA
ถอดบทเรียนชัชชาติเรื่อง “เวลามีมูลค่า” อย่าปล่อยให้ “โอกาส” ลอยไปในอากาศ
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:
https://www.sanook.com/campus/1408096/
https://sudsapda.com/men/292852.html
https://mgronline.com/sport/detail/9650000005802
#ReeracoenRecruitment
#ReeracoenThailand
#Leadership #Psychology #Selfdevelopment #Inspiration