Reeracoen Thailand Regional Blog

  • Job Seekers
  • Employers

ฝึกทลายกำแพง ‘ความเกรงใจ’ เพื่อผลลัพธ์ใหม่ๆ ที่ดีกว่า

  • Home
  • General Topic
  • ฝึกทลายกำแพง ‘ความเกรงใจ’ เพื่อผลลัพธ์ใหม่ๆ ที่ดีกว่า

Select Category

ในชีวิตของเรา เชื่อว่าหลายคนต้องเคยผ่านความอึดอัด เมื่ออยากจะทำอะไรสักอย่างแทบขาดใจแต่ก็ทำไม่ได้

หรือไม่อยากทำ แต่ก็ต้องจำใจยอมเพราะ ‘ความเกรงใจ’ มันค้ำคอ

จริงอยู่ที่ความเกรงใจคือข้อดีที่ทุกคนควรจะมี เสมือนอาวุธที่ถ้ารู้จักใช้ก็จะกลายเป็นที่รักในสายตาคนอื่น

แต่ถ้าเราไม่รู้จักควบคุม ปล่อยให้ความเกรงใจชนะทุกอย่าง ก็สามารถกลายเป็นข้อเสียทีหลังได้เช่นกัน

“ไม่กล้าตำหนิเพื่อนเมื่อทำผิด”

“เก็บไอเดียไว้กับตัวเพราะไม่อยากข้ามหน้าข้ามตาใคร”

หลายครั้งที่เราต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ต่อ ‘ความเกรงใจ’ จนพลาดโอกาสดีๆ ให้กับตัวเอง หรือแม้แต่กับคนรอบข้าง

เพราะถ้าเรากล้าตำหนิเพื่อน เขาอาจปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือถ้าเรากล้าเสนอไอเดีย ผลดีก็จะตกอยู่กับส่วนรวม

แต่เมื่อเราเลือกที่จะปล่อยผ่านเพราะความเกรงใจ สุดท้ายแล้วอาจเป็นเราเองที่ต้องเสียใจ และเสียดายทีหลัง

เพราะไม่สามารถทำในสิ่งที่คิดไว้ได้

เมื่อคุณสมบัติที่ดีอย่างความเกรงใจ ดันกลายเป็นดาบสองคม ดังนั้นจะดีกว่าไหมถ้าเราจะ ‘เลิกเกรงใจ’ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า

โดยเฉพาะในการทำงาน ที่เชื่อว่าหลายคนต้องเคยผ่านกันมาบ้างกับการ “เกรงใจจนทำให้งานออกมาไม่ดีอย่างที่หวัง”

หากเราลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพ

A: “ไอเดียนี้ดีไหม?”

B: (คิดในใจ) “โห ไม่น่าไหวมั้ง”

A: “น้อง B ว่าไง”

B: “อ๋อ ได้อยู่นะพี่”

เมื่อ B เลือกที่จะสนับสนุนไอเดียของ A โดยไม่เต็มใจเพราะ ‘ความเกรงใจ’ ไม่อยากหักหน้าให้รู้สึกแย่

แม้ตัวเองมีไอเดียที่ดีอาจจะดีกว่าแต่ด้วยความเกรงใจเพื่อน รุ่นพี่ หรือแม้แต่หัวหน้า

สุดท้ายงานที่ควรจะดี ก็อาจออกมาไม่ดีอย่างที่คิดและทุกคนก็อาจต้องนั่งผิดหวัง เสียพลังใจกันไปทั้งหมด

โดยเฉพาะ B ที่จะนึกย้อนกลับไปว่าถ้าวันนั้นกล้าเสนอไอเดียออกไป วันนี้ก็คงไม่ต้องมานั่งเสียใจและเสียดายแบบนี้

แต่กลับกัน ถ้า B เลือกที่จะ “เลิกเกรงใจ” นำเสนอไอเดียของตัวเองผ่านทักษะการสื่อสารที่ดี

โดยไม่ทำร้ายจิตใจและความมั่นใจของใคร ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่า จนจบแบบ Happy Ending

ปรับความคิด ฝึกเป็นคนเลิกขี้เกรงใจด้วย 3 วิธีง่ายๆ

1) เกรงใจ ≠ เอาใจ

หลายคนมักติดกับดักคำว่าเกรงใจ จนไม่กล้าทำอะไรเลย ซึ่งความเกรงใจ จะใช้ก็ต่อเมื่อตัวเองจะไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน

กับการทำงาน ถ้าเราไม่กล้าแย้งเพราะกลัวตัวเองจะมีปัญหา ก็ย่อมไม่ใช่ความเกรงใจแต่เป็น ‘การเอาใจ’ ซึ่งไม่ถูกต้อง

2) มองถึงผลลัพธ์ยาวๆ มากกว่าการเขี่ยปัญหาออกไปสั้นๆ

“ถ้าวันนั้นกล้าพูดออกไป วันนี้คงไม่ต้องเสียใจแบบนี้”

การต้องเสียใจทีหลังเพราะเสียดายโอกาสที่ผ่านไปแล้วเพราะเลือกที่จะปัดปัญหาออกไปจากตัว เมื่อกระแสน้ำพัดมา

แน่นอนการ ‘ตามน้ำ’ ย่อมง่ายกว่าการสร้างขวางไว้ แต่สุดท้ายกระแสน้ำนั้นอาจพัดไปหาจุดจบที่ทุกคนต้องเสียใจ

ถ้าเลือกได้อีกครั้ง เราก็คงจะทุ่มสุดตัวเพื่อขวางเอาไว้

กับการทำงานก็เช่นกัน เมื่อเรารู้ว่าสามารถเปลี่ยนกระแสน้ำได้ ทำไมเราไม่ลองทุ่มสุดตัวเพื่อเสนอความคิดอีกมุมล่ะ?

3) มองโลกในแง่ดีบ้าง

เรามักกลัวเมื่อจะแสดงความคิดเห็น ‘แย้ง’ กับใครสักคนคิดไปเองว่าถ้าบอกไปเขาจะต้องโกรธและมองเราไม่ดีแน่ๆ

แต่ความจริงแล้วเขาอาจจะเข้าใจและให้ความร่วมมืออย่างดีก็ได้ ซึ่งเราสามารถลดความเสี่ยงความขัดแย้งได้ด้วยทักษะการสื่อสารที่ดี

เข้าหาด้วยความเป็นมิตร จริงใจ และอธิบายให้เข้าใจตรงกัน

หากทุกวันนี้เรายังไม่สามารถเอาชนะความขี้เกรงใจของตัวเองได้ ก็อยากให้ลองย้อนไปว่าอาวุธที่มีชื่อว่า ‘ความเกรงใจ’ ที่เราถือไว้นี้

เคยทำร้ายตัวเอง หรือทำร้ายคนรอบข้างไปบ้างไหม

เพราะนอกจากเกรงใจคนอื่นแล้ว เราต้องเกรงใจตัวเองให้เป็นด้วย ให้ความสำคัญกับตัวเองและเป้าหมาย เข้าใจความต้องการของตัวเอง

และอย่างลืมเกรงใจอีกหนึ่งสิ่งสำคัญอย่าง ‘โอกาส’ จะได้ไม่ต้องเสียใจและเสียดายทีหลัง เมื่อมันผ่านไปแล้ว

อยากคอมเมนต์งาน นำการ Brainstorm แต่ไม่รู้จะทำยังไง? ฝึกทักษะ Build-Break-Build “การชื่นชมเพื่อพัฒนา”

ไม่ว่า Feedback งาน หรือการประชุมก็เอาอยู่ ได้งานแถมความสัมพันธ์ราบรื่น อ่านต่อที่: https://bit.ly/3KBrpEo

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม:

QUIET QUITTING เทรนด์ทำงานประคองตัว เพราะไม่รู้จะเหนื่อยไปทำไม

ย้ายงานใหม่ แต่ทุกข์ใจกว่าเดิม

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:

https://bit.ly/3S03vW8

https://bit.ly/3UDezu2  

#ReeracoenRecruitment

#ReeracoenThailand

#Psychology #Selfdevelopment #inspiration

Related Posts