การ Work from home ดูเหมือนจะเป็นทางออกที่วิน-วิน ซึ่งให้ผลดีกับพนักงานในแง่ Work life balance
และส่งผลกระทบต่อองค์กรในเชิงบวก หรือก็คือประสิทธิภาพงานสูงขึ้นผ่านคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
แต่สำหรับหัวหน้า (บางส่วน) กลับมองอีกแบบ
เมื่อพวกเขาคิดว่าลูกน้องส่วนใหญ่มักจะอู้งานในช่วง Work from home หรือตอนที่ “ไม่อยู่ในสายตา”
ผลสำรวจจาก Citrix บริษัทด้านเทคโนโลยีองค์กรพบว่าจำนวนครึ่งหนึ่งของบรรดาหัวหน้าที่ได้ทำแบบสอบถาม
“ไม่เชื่อว่าพนักงานจะขยันเท่าที่ควรเมื่อทำงานที่บ้าน” แต่ความจริงประสิทธิภาพการทำงาน
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “สถานที่” อย่างที่หลายคนคิด
มีผลการศึกษาหลายชิ้นชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าถ้าจัดสภาพแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม
การทำงานแบบ WFH อาจให้ผลดีกว่าการเข้าออฟฟิศ
เนื่องจากพนักงานจะสามารถจดจ่อและใช้สมาธิได้มากขึ้นเมื่อไม่มีคนในออฟฟิศหรือสิ่งอื่นมารบกวนการทำงาน
นอกจากนี้การ Work from home ยังให้เราจัดสรร “เวลานาทีทอง” สำหรับทำงานได้สะดวกกว่าการไปออฟฟิศ
ซึ่งแน่นอนเรามีช่วงเวลาแอคทีฟที่จะใช้งานสมองได้ต่างกัน การเสียเวลาไปเปล่าๆ กับอย่างอื่นซึ่งเราควบคุมไม่ได้
ก็ทำให้จัดการบริหารตัวเองได้ยากขึ้น
แม้การ Work from home จะมีผลดีที่ได้เห็นจากการศึกษามากมาย
แต่สุดท้ายถ้า “ไม่เห็น” ก็ยังเกิดความไม่สบายใจขึ้นมาอยู่ดี
ดังนั้นการ “ทำให้เห็น” เช่น กำหนดเป้าหมายขึ้นมาร่วมกัน แล้วเช็กสถานะความคืบหน้ากันสม่ำเสมอ
ก็เป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ปัญหาดังกล่าวเล็กลงได้
ฝากโปรไฟล์ไว้กับเรา Reeracoen Recruitment
แปลและเรียบเรียงจาก:
#ReeracoenRecruitment #ReeracoenThailand #Recruitment
#Productivityparanoia #Trend #wfh #worklifebalance #productive