ในฐานะมนุษย์เงินเดือนใครๆ ก็อยากที่จะก้าวหน้าเติบโตในหน้าที่การงาน ซึ่งผลสำรวจจาก Gallup พบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้พนักงานออกห่างจากการมีส่วนร่วมกับองค์กรคือการขาด Career Development ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 เหตุผลหลักที่ทำให้คนตัดสินใจลาออก (อ้างอิงข้อมูลจาก McKinsey)
แต่อันดับแรกเราจำเป็นต้องผ่านด่าน “การประเมิณ” ที่ช่วยยืนยันว่าเรามีพัฒนาการมากขึ้นจริงๆ ซึ่งมีอยู่หลายคนที่ยังไม่สามารถผ่านด่านนี้ไปได้ และความฝันที่อยากจะก้าวหน้าก็ต้องหยุดชะงักลง ดังนั้นเราต้อง “รู้จักตัวเอง” ให้มากขึ้นโดยสังเกตสัญญาณการเติบโตจากการทำงานในแต่ละวันเพื่อหาคำตอบว่าเราพร้อมจริงๆ แล้วหรือยัง
1) ชัดเจนกับความต้องการของตัวเอง
การทำงานช่วงแรกๆ เรามักใช้เวลาไปกับงานประจำวันหรือเน้นเป้าหมายระยะสั้นให้ดีที่สุดเป็นอันดับแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลังจากที่ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยก็ได้เวลาของ “เป้าหมายระยะยาว” หรือความต้องการส่วนตัวซึ่งจะช่วยให้มองเห็นอนาคตและเตรียมตัวได้ดีขึ้น
2) มีความเป็น “เจ้าของงาน” (Ownership)
จากประสบการณ์หลายคนคงเข้าใจว่าการทำงานจริงมักจะมีปัญหาและรายละเอียดที่เฉพาะ “คนหน้างาน” เท่านั้นที่จะเข้าใจ
และความเป็นเจ้าของงาน (Ownership) ที่ช่วยให้เราอธิบายเกี่ยวกับงานนั้นๆ ได้ดีที่สุดจึงเป็นสิ่งที่พูดแทนได้ว่าเรามีการพัฒนามากขึ้นผ่านความเข้าใจงานและประสบการณ์แก้ปัญหา
นอกจากนี้เมื่อมีเป้าหมายที่ต้องการชัดเจนแล้วก็ลองคุยกับคนที่สามารถให้โอกาสนั้นแก่เราได้ เช่น หัวหน้างาน
เพื่อสร้าง Ownership ให้แก่งานและเรียนรู้การจัดการงานด้วยตัวเอง ซึ่งการแสดงความเป็นผู้นำก็มีส่วนช่วยให้เราก้าวหน้ามากขึ้นเช่นกัน
จงทำงานดีในแบบที่ “ไม่มีใครมาทดแทนได้” และกลายเป็นคนที่งานนั้นๆ “ขาดคุณไปไม่ได้”
3) เลิกสงสัยและ “ด้อยคุณค่า” ในตัวเอง
อีกหนึ่งสัญญาณของการเติบโตคือเมื่อเราเลิก “สงสัยในตัวเอง” แต่สิ่งสำคัญที่บ่งบอกว่าเราเติบโตขึ้นคือการรู้จักตัวเองและ “ให้ความสำคัญ” กับสิ่งต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
คนทั่วไปมักคิดว่า “จุดอ่อน” คือสิ่งที่ทำให้เราไม่ก้าวหน้าแต่อย่าลืมว่า “จุดแข็ง” ต่างหากที่ทำให้เราแตกต่างดังนั้นการรู้จักความสามารถของตัวเองและหันไปให้น้ำหนักกับการพัฒนาในด้านนั้นๆ มากที่สุดจึงจะช่วยให้เราก้าวหน้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
4) ทำสิ่งต่างๆ อย่างมั่นใจมากขึ้น
ความมั่นใจคือจุดเริ่มต้นของสัญญาณว่าเรากำลังเติบโตขึ้น สังเกตตัวเองว่าหากปัจจุบันเรากล้าทำในสิ่งที่เคยกลัวอาทิ ยกมือของาน กล้าเสนอความเห็นในที่ประชุมมากขึ้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มองว่าเป็นเรื่องที่ยาก อาจหมายความว่าที่ผ่านมาเราได้เกิดความเปลี่ยนแปลงและมีพัฒนาการเกิดขึ้นโดยที่อาจจะไม่เคยสังเกต
5) ทำงานเสร็จโดยใช้เวลาน้อยลง
ช่วงแรกของการทำงานเราอาจต้องรอบคอบในทุกขั้นตอน ค่อยๆ เรียนรู้งานเพื่อป้องกันความผิดพลาดให้มากที่สุด แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราจะพบว่าตัวเองทำได้งานได้คล่องขึ้นเนื่องจากระหว่างทางเราได้เรียนรู้วิธีที่จะสามารถจบงานโดยเร็ว ทำให้งานที่เคยยาก ก็กลับกลายเป็นง่ายขึ้นจนแทบจะรู้สึกราวกับว่าทำสิ่งต่างไปโดย “อัตโนมัติ”
6) เป็นที่ยอมรับจากคนในที่ทำงาน
การมีตัวตน ถูกมองเห็นจากคนในที่ทำงานเป็นหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่าเราได้มีการเติบโตขึ้นและได้รับการยอมรับในผลงานและความสามารถ โดยสังเกตได้จากการปฏิบัติจากเพื่อนร่วมงาน การขอความช่วยเหลือ ความไว้วางใจในการทำงานและผลตอบรับเชิงบวกในการประเมิณแต่ละครั้ง
7) พร้อมรับความท้าทายใหม่ๆ อยู่เสมอ
สุดท้ายหากรู้สึกว่างานปัจจุบันเริ่มที่จะง่ายเกินไป อยากปะทะกับ “ความท้าทายใหม่ๆ” อยู่เสมอ รวมถึงเริ่มสนใจเรียนรู้ทักษะอื่นๆ เพิ่มเติม ก็แปลว่าคุณได้มีการเติบโตมากขึ้นและอาจถึงเวลามองหาก้าวถัดไปในหน้าที่การงานเพื่อหาโอกาสให้ตัวเองได้เติบโตต่อไปเรื่อยๆ
ในการทำงานสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการก้าวหน้าคือต้องรู้จักคุณค่าและความสามารถของตัวเองให้ดีเพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็น “เข็มทิศ” ที่ช่วยกำกับทิศทางให้เราเดินไปยังเส้นทางที่เหมาะสม และสุดท้ายอย่าลืมที่จะสร้างโอกาสให้ตัวเองเพิ่มโอกาสในการหางานผ่านเครือข่าย Recruiter มืออาชีพ
ฝากโปรไฟล์ไว้ที่: https://www.sourcedout.asia/talents/new
อ่านบทความเพิ่มเติมที่:
6 วิธีจุดไฟการทำงานในช่วง Burnout
หยุด Work Hard และหันมา Work Smart เพราะผลงานดีอยู่ที่การบริหารเวลา
แปลและเรียบเรียงจาก: https://bit.ly/3Jm6OEP
#ReeracoenRecruitment #ReeracoenThailand #Recruitment
#Career #SelfImprovement