“ขอบคุณสำหรับความสนใจ แล้วเราจะติดต่อกลับไป”
คำตอบจากฝ่าย HR ของบริษัทที่ทำให้เราเจ็บไม่แพ้การโดนบอกเลิกจากคนรัก
ที่แม้จะไม่บอกตรงๆ แต่ก็รู้ว่าความหมายคือเราไม่ผ่านการสัมภาษณ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรา “ตั้งความหวัง” ไว้สูง
เราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการสมัครงานบางครั้งก็มีสิทธิที่จะลงเอยด้วยความผิดหวังบ้างเป็นปกติ
ซึ่งเราก็มีสิทธิที่จะเสียใจได้ แต่ต้องแน่ใจว่าจะไม่ปล่อยให้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกัดกินตัวเองจน “พัง” ตามไปด้วย
คำถามคือเสียใจแล้วยังไงต่อ?
บทความจาก The Muse ได้แนะนำ 4 ขั้นตอนฮีลใจตัวเองให้พร้อมไปต่อ (อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น)
1) ใช้เวลารักษาแผลใจและพัฒนาตัวเอง
ไม่ใช่เรื่องดีหากเราเริ่มใหม่ด้วยสภาพจิตใจที่ยังไม่มั่นคงเพราะอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดง่ายขึ้น
ใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้มาก ทำความเข้าใจเหตุผลที่ทำให้ไม่ผ่านการคัดเลือก
ซึ่งการวิเคราะห์จุดอ่อนคือหนทางที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีกว่าเดิมและกอบกู้ “ความมั่นใจ” กลับมาอีกครั้ง
2) คิดว่า “ถ้า” สามารถทำให้ดีกว่าเดิม
มองให้รอบด้านว่าอะไรที่ทำให้เราไม่ผ่านและ “ถ้า” มีโอกาสอีกครั้งจะทำให้ดีกว่านี้ได้ไหม
เราอาจใช้เวลาเตรียมตัวที่มากขึ้น ศึกษาข้อมูลองค์กรให้ดีกว่าเดิม ทำการบ้านล่วงหน้าเตรียมแผนไปนำเสนอ
ถ้าคำตอบคือที่ผ่านมาเราก็ทำดีที่สุดแล้ว และหากมีโอกาสอีกครั้งก็คงจะทำเหมือนเดิม
ก็แปลว่าสาเหตุไม่ใช่เพราะเราพยายามไม่พอ แต่เป็นเพราะมีบางอย่างที่ไม่ “คลิก” กับองค์กร
อาทิ บุคลิกภาพ ทัศนคติ เป้าหมายความสำเร็จ ซึ่งไม่แน่ว่าเราอาจไปได้ดีกับบริษัทอื่นก็ได้
โดยผู้เขียนแนะนำว่าช่วงท้ายของการสัมภาษณ์เราสามารถสอบถามได้ว่า
“คุณคิดว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ฉันไม่ผ่านการคัดเลือกไหม?”
หากได้รับคำตอบมา ก็สมารถนำสิ่งที่ได้มาไปปรับปรุงแก้ไขสำหรับครั้งต่อไปได้
นอกจากนี้บทความจาก Robert Walters Group ได้แนะนำในลักษะเดียวกัน
ว่าสำคัญที่ผู้สมัครควรถามถึง Feedback จากการสัมภาษณ์งานเพื่อจัดการจุดอ่อนที่แท้จริง
โดยไม่ต้องตีวงกว้างหาสาเหตุที่ทำให้ไม่ได้งานด้วยตัวเอง
3) ยอมรับในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้
นอกจากการทำได้ดีในตอนสัมภาษณ์หรือมีโปรไฟล์ที่แข็งแรงมากแค่ไหน
ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ รวมถึงคู่แข่งในเงามืดซึ่งเราไม่สามารถมีสิทธิรับรู้ได้เลย อาทิ เด็กฝึกงานที่สมัครกลับเข้ามาใหม่
ผู้สมัครในฐานข้อมูลที่เคยสัมภาษณ์ในอดีต งบการเงินขององค์กร ภาวะ Hiring Freeze ฯลฯ
ดังนั้นเมื่อทำเต็มที่แล้วแต่ยังไม่ได้ก็ไม่ได้แปลว่าเป็น “ความผิด” ของเราแล้ว
เพราะบางอย่างจังหวะเวลาที่ใช่ก็สำคัญเช่นกัน
4) ได้เวลากลับสู่การไล่ล่า
เมื่อความรู้ผิดหวัง เสียใจ เริ่มจางลง รวมถึงความมั่นใจกำลังค่อยๆ กลับคืนมา
ก็ถึงเวลากลับเข้าสู่โลกความจริงอันดุเดือดและด้วยประสบการณ์ที่ได้จากความผิดหวังครั้งก่อน
ต่อไปเราก็จะมี “ภูมิคุ้มกัน” ต่ออะไรก็ตามที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
เราอาจต้องเสียใจอีกหลายครั้ง แต่ลองนึกถึงสิ่งดีๆ ในวันที่เรา “สำเร็จ”
ความรู้สึกนั้นมันจะพิเศษมากขนาดไหน เมื่อทุกความพยายามไม่ได้สูญเปล่าและสุดท้ายก็ได้นำมาพามาถึงจุดนี้
อย่าลืมว่าโลกไม่ได้แตกสลายเพียงเพราะสัมภาษณ์งานไม่ผ่านแค่ครั้งเดียว
และสมัครงานไม่ผ่านก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่เก่งแต่อาจแค่ยัง “ไม่ Match” กับที่นี่เฉยๆ
ฝากโปรไฟล์ไว้กับเรา Reeracoen Recruitment
อ่านบทความเพิ่มเติม:
รู้ได้ไงว่าจะได้งาน? สังเกตจาก 7 สัญญาณต่อไปนี้
7 ทักษะ Soft Skills ที่ผู้นำจำเป็นต้องมีในยุคนี้
แปลและเรียบเรียงจาก: https://bit.ly/3MKFZw2
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม: https://bit.ly/3opSBzl
#ReeracoenRecruitment #ReeracoenThailand
#Recruitment #JobRejection #Career