ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับไตรมาสที่ 3 และได้เข้าสู่ช่วง “โค้งสุดท้าย” ของปี 2023 อย่างเต็มตัวซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เราเริ่มลงมือสรุปภาพรวมตัวเองรวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 9 เดือนที่ผ่านมาเพื่อพิจารณาวางแผนชีวิตในแต่ละด้านให้ดีขึ้นในปีหน้า เช่น แผนการเงิน การท่องเที่ยว และที่สำคัญคือการวางแผน “เปลี่ยนงาน”
บทความจาก Forbes ได้นำสถิติภาพรวมตลาดจ้างงานที่น่าสนใจจากทั้ง Linkedin และ U.S. Bureau of Labor Statistics มาสรุปเป็นภาพรวมให้คนทำงานได้เข้าใจว่าปีนี้เกิดอะไรขึ้นและเราควรวางแผนตัวเองต่อไปอย่างไรในช่วงเวลาที่เหลือจากนี้ เพราะเมื่อเรามีความเข้าใจในภาพรวมของสถานการณ์ก็จะสามารถเลือกตัดสินใจ “ก้าวต่อไป” ของตัวเองได้ดีขึ้น
งานเริ่มหายากและบริษัท “ลดการจ้าง” ลงอย่างต่อเนื่อง
จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่มั่นคงส่งผลให้ในปี 2023 นี้หลายบริษัทต้อง “ชะลอแผนการจ้างงาน” เป็นที่มาของภาพรวมตลาดแรงงานที่ดูเงียบลงกว่าช่วงปี 2021 – 2022 ที่ผ่านมาซึ่งมีอัตราการจ้างงานที่ดีดตัวค่อนข้างสูงเนื่องจากต้องเร่งฟื้นฟูหลังวิกฤติการแพร่ระบาด
ผลสำรวจจาก Linkedin ได้พบว่าสหรัฐฯ มีอัตราการจ้างงานจากทุกภาคส่วนลดลง 3.6% ในเดือนสิงหาคม (เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม) และนับว่าเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันของตลาดแรงงานที่เข้าสู่ช่วงขาลง โดยชุดข้อมูลดังกล่าวค่อนข้างสวนทางกับตลาดแรงงานในประเทศไทยซึ่งมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงจากรายงานของสำนักสถิติแห่งชาติ (สสช.) ที่พบว่ามีการจ้างงานมากขึ้นตั้งแต่เปิดไตรมาสแรกและเพิ่มขึ้นอีก 6.6 แสนคนในไตรมาสที่สอง ทำให้ช่องว่างจำนวนคนว่างงานลดลงถึง 1.3 แสนคนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2022
ทั้งนี้ในสถานการณ์ต่างประเทศทีมวิเคราะห์ข้อมูลจาก Linkedin ระบุว่าแทบทุกอุตสาหกรรมกำลังเผชิญหน้ากับความยากลำบากของกระบวนการจ้างงาน เช่น จำนวนงานที่ลดลง 13.9% ในอุตสาหกรรมค้าส่ง (Wholesale) อุตสาหกรรมค้าปลีก (Retail) ถดถอยถึง 10.7% ในแต่ละเดือน ในขณะที่งานบริการด้านอาหารมีการจ้างงานน้อยลง 7.1% ซึ่งตัวเลขเหล่านี้อาจสะท้อนถึงทัศนคติและพฤติกรรมของคนที่เปลี่ยนไป
สำนักงานสถิติแรงงานประจำสหรัฐฯ อเมริกา (U.S. Bureau of Labor Statistics) ได้รายงานสถิติอัตราการจ้างงานที่หล่นไปอยู่จุด “ต่ำสุด” ในรอบสองปีมีจำนวนลดลงถึง 3.38 ล้านตำแหน่งนับจากเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม
อย่างไรก็ตามสายงาน IT ดูเหมือนจะเป็น “แสงสว่าง” ของการจ้างงานในช่วงระยะเวลาต่อจากนี้ด้วยอัตราความต้องการ 39% ตามมาด้วยสายงาน Financials and Real estate ที่ 33% พร้อม Communication Services, กลุ่มวิทยาศาสตร์และสุขภาพ พลังงานและสาธารณูปโภคที่ 31%
การจ้างงานในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2023
อ้างอิงจากผลสำรวจของบริษัท ManpowerGroup พบว่าช่วงไตรมาสที่ 4 หรือสิ้นปี 2023 ด้วยสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจส่งผลให้บริษัทหลายแห่งมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยน “กลยุทธ์การขยายองค์กร” ด้วยแผนงานที่รอบคอบมากขึ้นโดยมุ่งเน้นไปที่การเฟ้นหาและรักษากลุ่มคนที่จำเป็นต่อการเติบโตของบริษัทมากที่สุด รวมถึงยังยินดีที่จะพิจารณารับ “คนทำงานที่มีอายุ” เข้าทำงานมากขึ้นเช่นกัน
กลุ่มทักษะและคุณสมบัติที่บริษัทต้องการ
นอกเหนือจากทักษะเชิง Technical อย่าง Hard skills ซึ่งจำเป็นสำหรับแต่ละอาชีพอยู่แล้วทักษะอีกด้านอย่าง Soft skills ที่เป็นความสามารถเชิงสังคมและการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้พบ 5 อันดับกลุ่มคุณสมบัติที่บริษัทจัดไว้ในฐานะ “ของสำคัญ” ที่พนักงานต้องมี
-
- 39% ยกให้แก่กลุ่มทักษะการสื่อสารและประสานงาน
- 33% ความเชื่อมั่นและความน่าไว้วางใจ
- 29% ทักษะการแก้ไขปัญหา
- 23% คือนิสัยขยันเรียนรู้ รวมถึงความสามารถในการปรับตัวที่ดี
หากต้องการ “มองหางานใหม่” ควรทำอย่างไรในช่วงสิ้นปีนี้
จากภาพรวมที่เราได้กล่าวซึ่ง “งานเริ่มหายาก” และหลายบริษัทเองก็เริ่มเปลี่ยนวิธีการคัดเลือกคนเข้าทำงานโดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและความจำเป็นต่อองค์กร ดังนั้นเราอาจต้องอาศัยความพยายามมากขึ้นหากมีแผนที่จะคิดเปลี่ยนงานในช่วงเวลานี้ แต่หากคุณตัดสินใจ “ไม่ไปต่อ” และต้องการความเปลี่ยนแปลงให้ชีวิตการทำงานในปีหน้าก็สามารถเริ่มวางแผนมองหางานใหม่ได้ด้วยเช็กลิสต์ต่อไปนี้
1) คิดถึงเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว
ก่อนขยับตัวไปในทิศทางไหนให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าปัจจุบันต้องการอะไร สิ่งไหนบ้างที่ถือจำเป็นกับชีวิต และอนาคตในอีก 5 ปีหรือ 10 ปีต่อจากนี้ตัวเองจะยืนอยู่จุดไหนเพื่อหา “ทางเลือก” ที่ตอบโจทย์กับทั้ง 2 เป้าหมายนี้ได้ดีที่สุด
2) พยายามเพื่อ “เป้าหมายในปีนี้” ให้สำเร็จก่อนจะหมดสิ้นปี
New year’s resolution หรือ “ปณิธานปีใหม่” คือสิ่งที่เรามักจะตั้งเป้าไว้ในทุกๆ ต้นปีอยากให้ลองหยิบลิสต์รายการเหล่านี้ออกมานั่งดูว่าอะไรบ้างที่เสร็จสิ้นไปแล้ว ยังเหลืออะไรอีกที่ต้องรีบจัดการให้สำเร็จก่อนหมดปีและคงไม่ดีหากเราต้อง “เริ่มใหม่” ด้วยเป้าหมายเดิมซ้ำไปซ้ำมาเพราะนั่นหมายถึงว่าเราไม่ได้เรียนรู้หรือพยายามเพื่อสิ่งนั้นอย่างเต็มที่นั่นเอง
3) เริ่มอัปเดตเรซูเม่ให้เป็นปัจจุบัน
บางครั้งเราพลาดโอกาสได้งานเพราะอัปเดตเรซูเม่ไม่ทันส่งสมัครงานซึ่งสามารถแก้ได้ด้วยการ “ขยันอัปเดตบ่อยๆ” เพื่อให้เราไม่เสียเวลายังมีข้อดีที่คาดไม่ถึงอีกมากมาย เช่น ช่วยให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นจากบันทึกความสำเร็จในเรซูเม่ ทั้งประวัติการทำงาน ความเชี่ยวชาญและผลงานโดยไม่ลืมว่าต้องกระชับ เข้าใจง่าย ตรงประเด็นและมีการใช้ “คีย์เวิร์ด” ให้เป็นประโยชน์ (อ่านต่อที่บทความ เคล็ดลับอัปฯ เรซูเม่ที่ควรทำเป็นประจำ)
4) จัดการประวัติ Digital Footprint บนโซเชียลมีเดียและ Linkedin
รู้หรือไม่ว่าบริษัทให้ความสำคัญกับ “ประวัติ” และนิสัยใจคอมากไม่น้อยไปกว่าความสามารถในการทำงาน ดังนั้นหลายแห่งจึงมีการตรวจสอบ Digital Footprint ของผู้สมัครอยู่เสมอ เพื่อคัดกรองและป้องกันโอกาสที่จะเกิดความเสียหายแก่บริษัทในอนาคตดังเช่นที่เราอาจเคยเห็นเพื่อนใน Facebook เคยใช้ข้อความเชิงตำหนิที่ทำงานหรือหัวหน้า ซึ่งอาจส่งผลให้สมัครงานยากขึ้นถ้ามีพฤติกรรมที่สามารถทำให้องค์กรเสียหาย ฝ่ายจัดหาพนักงานหรือ HR บางคนก็อาจเลือกที่จะไม่เสี่ยงแม้จะมีคุณสมบัติครบอย่างที่องค์กรต้องการก็ตาม
5) เชื่อมต่อกับคนที่สามารถช่วยหาโอกาสให้กับเราได้
“คอนเนกชัน” คือกำไรที่เรามักได้รับมาจากการทำงานและการใช้ชีวิตสภาพแวดล้อมที่ดีสามารถให้อะไรกับเราได้มากกว่าที่คิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวเราเองมีคุณสมบัติและประวัติที่น่าดึงดูดอาจทำให้เราได้รับโอกาสงานดีๆ มากมายโดยไม่ต้องเหนื่อยวิ่งหาด้วยตัวเอง
เช่นเดียวกับการฝากโปรไฟล์ไว้กับบริษัทจัดหางาน Reeracoen Recruitment ที่มีงานรองรับกว่า 1,000 ตำแหน่งในหลากหลายสายและไม่พลาดทุกโอกาสงานที่ใช่จาก Recruiter ผู้เชี่ยวชาญให้คุณสามารถวางแผนอนาคตและความสำเร็จของตัวเองโดยที่มี “เพื่อนที่รู้ใจ” เป็นผู้ช่วยในทุกๆ การสมัครงาน เปิดโอกาสใหม่ให้ชีวิตการทำงาน ฝากโปรไฟล์ไว้กับเรา Reeracoen Recruitment
อ่านบทความเพิ่มเติม:
อัปเกรดเรซูเม่ให้ดูดีแบบตะโกนด้วยเทคนิคการใช้ Action words
เช็กลิสต์ 32 คำถามที่ต้องเคลียร์ก่อนตกลงเริ่มงานใหม่ทุกครั้ง
แปลและเรียบเรียงจาก:
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:
#ReeracoenRecruitment #ReeracoenThailand #Recruitment