เห็นหลายๆเพจเริ่มพูดถึงข่าวธนาคารเปิดโครงการเกษียณก่อนกำหนดให้พนักงานตั้งแต่อายุ 45 ปี
ทั้งที่เดิมทีเราเคยเชื่อกันว่าการทำงานกินเวลายาวไปถึง 60 ปี
แล้วก็วิเคราะห์กันว่าข่าวนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของวงการธนาคาร
แต่สะท้อนว่าภาพการทำงานของคนรุ่นเรากำลังเปลี่ยนไป
.
แอดมินเลยอยากจำลองว่าถ้า Career Life จริงๆ ของเราเหลือเพียง 20–25 ปีแรกหลังเรียนจบ
นั่นหมายความว่าช่วงเวลาที่เราต้อง เก็บเงิน–สร้างสกิล–สร้างชื่อ ถูกบีบให้สั้นลงทันที
ใครที่ยังคิดว่ามีเวลาเหลือเฟือ อาจจะต้องแพลนและจัดการชีวิตการทำงานของตัวเองให้เร็วขึ้นกว่าที่คิด
สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่ออายุการทำงานสั้นลง รูปแบบการทำงานและตลาดงานก็เปลี่ยนตามไปเช่น…
.
การเปลี่ยนสายงานกลางคัน จะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอีกต่อไป สมมติคุณทำงานสายธนาคารถึงอายุ 40
วันหนึ่งบริษัทประกาศ Early Retirement คุณอาจต้องเริ่มต้นใหม่ในงานรูปแบบอื่นๆทันที
.
Gig & Freelance Economy จะโตขึ้นเรื่อยๆ คนวัย 45–55 ที่หลุดออกจากงานประจำ
เมื่อการสมัครงานในองค์กรแบบพนักงาน Full Time ปกติทำได้ยากขึ้น
การมองหางานรูปแบบอื่นๆอาจไปเป็นที่ปรึกษา งาน Freelance หรือสร้างธุรกิของตัวเองแทน
หรือแม้แต่เราอาจจะเห็นรูปแบบงานที่รองรับพนักงานกลุ่มนี้มากขึ้นก็เป็นได้
.
Lifelong Learning จะกลายเป็นของจริง ไม่ใช่แค่คอนเซปต์นามธรรมเท่ๆ อีกต่อไป
เมื่อรูปแบบการทำงานเปลี่ยนเร็วขึ้น รูปแบบธุรกิจเปลี่ยนแปลงมากขึ้น
การปรับตัวในการทำงานจะต้องเกิดไวขึ้น ความรู้หรือสกิลต่างๆ
ก็ยังมีความจำเป็นตลอดช่วงชีวิต เพราะถ้าคุณหยุดเรียนรู้ โลกจะวิ่งแซงคุณไปทันที
.
แล้วถามว่าคนทำงานแบบเราจะต้องปรับตัวอย่างไร?
Reskill & Upskill อย่างต่อเนื่อง
โลกการทำงานวันนี้เปลี่ยนเร็วมาก ทักษะที่ใช้ได้ดีเมื่อ 5 ปีที่แล้ว อาจไม่ใช่ที่ตลาดต้องการอีกต่อไป
อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง เพราะรู้สึกว่าเรียนรู้มาพอแล้ว ตัวอย่างเช่น พนักงานการเงินที่เคยเน้นงานบัญชีแบบ Manual
วันนี้ถ้าไม่เรียนรู้เรื่อง Digital Tools, AI, หรือ Data Analytics อาจถูกระบบอัตโนมัติแย่งงานไป
การอัปสกิลอย่างต่อเนื่องทำให้คุณยังเป็น คนที่ตลาดอยากได้
.
สร้าง Personal Brand / Online Presence
อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณถูกจำกัดอยู่แค่ชื่อตำแหน่งบนบัตรพนักงาน
ลองหา Space แสดงความเชี่ยวชาญที่คุณเก่งเพื่อให้คนจดจำได้มากขึ้น มี Presence มากขึ้น
.
คิดเรื่องการเงินเร็วขึ้น
เมื่อ Career Life อาจสั้นลง การวางแผนการเงินต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ ไม่ใช่รอให้เกษียณตอน 60 ตัวอย่าง
เช่น การเก็บออม 20–30% ของรายได้ในบัญชีลงทุนที่ปลอดภัย หรือทำประกันชีวิต-สุขภาพควบคู่ไปด้วย
จะช่วยให้คุณมีเบาะรองรับ หากต้องลาออกก่อนกำหนด หรือเปลี่ยนสายงานกลางคัน
.
มีแผน B เสมอ
โลกของการทำงานไม่ได้ยาวเหมือนเดิมอีกต่อไป การมีแพลน B ในการทำงานคือสร้างความมั่นคงให้กับตัวเอง
เช่น งานเสริม Freelance ด้านเขียน Content, การออกแบบกราฟิก หรือการให้คำปรึกษาเฉพาะด้าน
ก็สามารถเป็นรายได้สำรองหรือแพลน B ของตัวเองได้
.
สร้างเครือข่าย (Network)
โอกาสใหม่ๆ นอกจากมาจากประกาศงานบน Job Board แล้ว การเข้าร่วมงานสัมมนา, Webinar,
กลุ่มอาชีพเฉพาะทาง หรือแม้แต่ Networking Event ของสายงาน จะช่วยให้คุณเจอโอกาสใหม่ๆ
.
ในมุมส่วนตัวของแอดมิน ถึงมันอาจจะยังเป็นแค่ข่าวและอาจจะไม่ 100% ที่การเกษียณอาจจะปรับลงมาจาก 60 เหลือแค่อายุ 45
แต่คิดข่าวนี้กำลังบอกและเตือนเราว่าต้องไม่ประมาทและควรวางแผนล่วงหน้า
เพราะคนที่ปรับตัวเร็วกว่า ลงมือสร้างสกิลใหม่ๆ ทำให้ตัวเองเป็นที่ต้องการของตลาด
กลับมีโอกาสใช้ Career Life ที่สั้นลง สร้างคุณค่าและรายได้มากกว่ารุ่นก่อน
เพราะฉะนั้น อย่ารอให้ถึงวัยกลางคนแล้วค่อยวางแผน การรีบ Reskill, Upskill,
สร้าง Personal Brand, วางแผนการเงิน และขยาย Network ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้
เพื่อไม่ให้เราเป็นคนที่ถูกระบบการทำงานใหม่ๆ ทิ้งไว้ข้างหลัง
.
สุดท้าย Career Life อาจสั้นลงจริง แต่โอกาสไม่ได้สั้นลง อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นมันและปรับตัวเร็วแค่ไหนเท่านั้นเอง
.
ฝากโปรไฟล์กับ ProFi แล้วปล่อยให้โอกาสงานเป็นฝ่ายมองหาคุณ
drop resume ที่: https://pro-fi.co/interview
.