Reeracoen Thailand Regional Blog

  • Job Seekers
  • Employers

4 ขั้นตอนรับมือและฮีลใจเมื่อไม่ผ่านการสัมภาษณ์งาน

  • Home
  • How to
  • 4 ขั้นตอนรับมือและฮีลใจเมื่อไม่ผ่านการสัมภาษณ์งาน

Select Category

“ขอบคุณสำหรับความสนใจ แล้วเราจะติดต่อกลับไป”

คำตอบจากฝ่าย HR ของบริษัทที่ทำให้เราเจ็บไม่แพ้การโดนบอกเลิกจากคนรัก

ที่แม้จะไม่บอกตรงๆ แต่ก็รู้ว่าความหมายคือเราไม่ผ่านการสัมภาษณ์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรา “ตั้งความหวัง” ไว้สูง

เราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการสมัครงานบางครั้งก็มีสิทธิที่จะลงเอยด้วยความผิดหวังบ้างเป็นปกติ

ซึ่งเราก็มีสิทธิที่จะเสียใจได้ แต่ต้องแน่ใจว่าจะไม่ปล่อยให้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกัดกินตัวเองจน “พัง” ตามไปด้วย

คำถามคือเสียใจแล้วยังไงต่อ?

บทความจาก The Muse ได้แนะนำ 4 ขั้นตอนฮีลใจตัวเองให้พร้อมไปต่อ (อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น)

1) ใช้เวลารักษาแผลใจและพัฒนาตัวเอง

ไม่ใช่เรื่องดีหากเราเริ่มใหม่ด้วยสภาพจิตใจที่ยังไม่มั่นคงเพราะอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดง่ายขึ้น

ใช้เวลาอยู่กับตัวเองให้มาก ทำความเข้าใจเหตุผลที่ทำให้ไม่ผ่านการคัดเลือก

ซึ่งการวิเคราะห์จุดอ่อนคือหนทางที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีกว่าเดิมและกอบกู้ “ความมั่นใจ” กลับมาอีกครั้ง

2) คิดว่า “ถ้า” สามารถทำให้ดีกว่าเดิม

มองให้รอบด้านว่าอะไรที่ทำให้เราไม่ผ่านและ “ถ้า” มีโอกาสอีกครั้งจะทำให้ดีกว่านี้ได้ไหม

เราอาจใช้เวลาเตรียมตัวที่มากขึ้น ศึกษาข้อมูลองค์กรให้ดีกว่าเดิม ทำการบ้านล่วงหน้าเตรียมแผนไปนำเสนอ

ถ้าคำตอบคือที่ผ่านมาเราก็ทำดีที่สุดแล้ว และหากมีโอกาสอีกครั้งก็คงจะทำเหมือนเดิม

ก็แปลว่าสาเหตุไม่ใช่เพราะเราพยายามไม่พอ แต่เป็นเพราะมีบางอย่างที่ไม่ “คลิก” กับองค์กร

อาทิ บุคลิกภาพ ทัศนคติ เป้าหมายความสำเร็จ ซึ่งไม่แน่ว่าเราอาจไปได้ดีกับบริษัทอื่นก็ได้

โดยผู้เขียนแนะนำว่าช่วงท้ายของการสัมภาษณ์เราสามารถสอบถามได้ว่า

“คุณคิดว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ฉันไม่ผ่านการคัดเลือกไหม?”

หากได้รับคำตอบมา ก็สมารถนำสิ่งที่ได้มาไปปรับปรุงแก้ไขสำหรับครั้งต่อไปได้

นอกจากนี้บทความจาก Robert Walters Group ได้แนะนำในลักษะเดียวกัน

ว่าสำคัญที่ผู้สมัครควรถามถึง Feedback จากการสัมภาษณ์งานเพื่อจัดการจุดอ่อนที่แท้จริง

โดยไม่ต้องตีวงกว้างหาสาเหตุที่ทำให้ไม่ได้งานด้วยตัวเอง

3) ยอมรับในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้

นอกจากการทำได้ดีในตอนสัมภาษณ์หรือมีโปรไฟล์ที่แข็งแรงมากแค่ไหน

ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ รวมถึงคู่แข่งในเงามืดซึ่งเราไม่สามารถมีสิทธิรับรู้ได้เลย อาทิ เด็กฝึกงานที่สมัครกลับเข้ามาใหม่

ผู้สมัครในฐานข้อมูลที่เคยสัมภาษณ์ในอดีต งบการเงินขององค์กร ภาวะ Hiring Freeze ฯลฯ

ดังนั้นเมื่อทำเต็มที่แล้วแต่ยังไม่ได้ก็ไม่ได้แปลว่าเป็น “ความผิด” ของเราแล้ว

เพราะบางอย่างจังหวะเวลาที่ใช่ก็สำคัญเช่นกัน

4) ได้เวลากลับสู่การไล่ล่า

เมื่อความรู้ผิดหวัง เสียใจ เริ่มจางลง รวมถึงความมั่นใจกำลังค่อยๆ กลับคืนมา

ก็ถึงเวลากลับเข้าสู่โลกความจริงอันดุเดือดและด้วยประสบการณ์ที่ได้จากความผิดหวังครั้งก่อน

ต่อไปเราก็จะมี “ภูมิคุ้มกัน” ต่ออะไรก็ตามที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

เราอาจต้องเสียใจอีกหลายครั้ง แต่ลองนึกถึงสิ่งดีๆ ในวันที่เรา “สำเร็จ”

ความรู้สึกนั้นมันจะพิเศษมากขนาดไหน เมื่อทุกความพยายามไม่ได้สูญเปล่าและสุดท้ายก็ได้นำมาพามาถึงจุดนี้

อย่าลืมว่าโลกไม่ได้แตกสลายเพียงเพราะสัมภาษณ์งานไม่ผ่านแค่ครั้งเดียว

และสมัครงานไม่ผ่านก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่เก่งแต่อาจแค่ยัง “ไม่ Match” กับที่นี่เฉยๆ

ฝากโปรไฟล์ไว้กับเรา Reeracoen Recruitment

อ่านบทความเพิ่มเติม:

รู้ได้ไงว่าจะได้งาน? สังเกตจาก 7 สัญญาณต่อไปนี้

7 ทักษะ Soft Skills ที่ผู้นำจำเป็นต้องมีในยุคนี้

แปลและเรียบเรียงจาก: https://bit.ly/3MKFZw2

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม: https://bit.ly/3opSBzl

#ReeracoenRecruitment #ReeracoenThailand

#Recruitment #JobRejection #Career

Related Posts