ในยุคที่ “คน” อาจจะหายากกว่างานทำไมการใช้บริการ Recruitment Agency ถึงเป็นทางออกที่หลายองค์กรมองหา?
สาเหตุเป็นเพราะในยุคปัจจุบันการแข่งขันเพื่อแย่งชิง “บุคลากรฝีมือ” กำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งจะอาศัยแค่การเปิดรับสมัครแบบสมัยก่อนอาจไม่เพียงพอ
องค์กรต้องรู้จัก “เข้าหา” จากช่องทางต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
แต่ไม่ใช่ทุกองค์กรที่จะสามารถทำ Recruitment ได้ครบทั้งแบบ Passive และ Active
(อ่านบทความต่อได้ที่: ความแตกต่างระหว่าง Passive และ Active Recruitment)
ทำให้ Recruitment Agencyจึงเป็นทางออกที่เข้ามาตอบโจทย์ในจุดนี้
และคำถามถัดมาคือเราควรคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้างก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้บริการ Recruitment Agency
ซึ่งเราได้รวบรวม 5 ข้อที่ต้องพิจารณา ดังนี้
1) อัตราค่าบริการ
ในแต่ละบริษัทจะมีอัตราค่าบริการที่แตกต่างกัน
โดยส่วนใหญ่ตัวเลขมักขึ้นอยู่กับ Operation Costs ซึ่งแตกต่างกันไปตามขนาดและต้นทุนที่องค์กรต้องจ่าย
อาทิ ค่าเครื่องมือ Source ผู้สมัคร โปรแกรม CRM หรือที่ตั้งของบริษัทที่สะดวกต่อการเข้าหาของผู้สมัครงาน
เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายให้กับ Partner และผู้สมัคร
2) ระยะเวลาในการค้นหา
‘เวลา’ คือปัจจัยที่องค์กรส่วนมากให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ
เพราะบางตำแหน่งงานก็จำเป็นต้องหาคนที่เหมาะสมในเวลาที่เร่งด่วน
ซึ่ง Recruitment Agency สามารถตอบโจทย์ด้วยบริการแบบ “ครบวงจร”
ทั้งช่องทาง Passive ได้แก่ เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย กลุ่มหางาน
และ Active Recruitment โดย Recruiter ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสายงาน
โดยทั่วไปถ้าอาศัยเพียงการทำ Passive Recruitment การรับสมัครงาน 1 ตำแหน่งอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยที่สุด 1-2 สัปดาห์
แต่กับ Recruitment Agency อย่าง Reeracoen Thailand ที่มีทั้งฐานข้อมูลผู้สมัครในระบบและการค้นหาเชิง Active
ทำให้เราสามารถลดช่องว่างของเวลาและการันตีที่จะส่งผู้สมัครให้พิจารณาภายใน 3 วันทำการสำหรับตำแหน่งงานทั่วไป
3) ขนาดฐานข้อมูลผู้สมัคร (Candidates’ Pool)
หนึ่งในอุปสรรคที่ทำให้การ Recruitment ยากสำหรับองค์กรก็คือ “ระยะเวลาที่จำกัด”
ลองนึกภาพว่าเกิดเหตุการณ์พนักงานลา โดย HR ต้องหาคนมาแทนให้ได้ภายในสิ้นเดือน
ซึ่งกว่าจะเริ่มเปิดรับ รอให้คนสมัคร ยังต้องใช้เวลาคัดกรองอีกไม่น้อย
แต่การใช้ Recruitment Agency ซึ่งปกติมักจะมี “ฐานข้อมูลผู้สมัคร” ที่ผ่านการคัดกรองทั้งประวัติทำงาน
ทักษะต่างๆ ระดับภาษา สถานที่ทำงาน หรือแม้แต่ฐานเงินเดือน ก็จะทำให้เกิดการ Match ง่ายและตรงโจทย์มากขึ้น
ที่สำคัญคือยิ่งมีฐานข้อมูลผู้สมัครใหญ่และละเอียดเท่าไร การ Recruit ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่างที่ Reeracoen Recruitment ที่มีฐานข้อมูลกว่าหลายแสนคน ก็ยิ่งช่วยตอบโจทย์ให้องค์กรในเวลาที่เร่งด่วนได้มากขึ้น
4) จำนวนของทีม Recruiter
ในแต่ละวัน HR หนึ่งคนอาจคัดโปรไฟล์ผู้สมัครได้อย่างมาก 10-20 คน
แต่ใน Reeracoen Thailand เรามีทีมงานทำหน้าที่ช่วยหาอีก 50 คน โอกาสในการเจอผู้สมัครก็ยิ่งเร็วขึ้นตามจำนวนของทีมงานที่มี
รวมถึงด้านประสิทธิภาพในการทำ Active Recruitment เพราะแต่ละสายงานก็ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญที่ต่างกัน
ดังนั้น Agency ที่มีคุณภาพโดยส่วนใหญ่ มักจะมี Recruiter ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน
ซึ่ง Reeracoen Thailand มีทีม Recruiter มากกว่า 50 คนเพื่อประสิทธิภาพในการหาคนที่ตรงตามโจทย์มากที่สุด
5) การช่วยลดภาระงานของ HR
หน้าที่ของ HR หรืองานในแต่ละวันไม่ได้มีแค่ 1 หรือ 2 อย่าง แต่ยังมีเรื่องของเอกสาร แก้ปัญหาต่างๆ ให้คนในองค์กร
ซึ่งต่างคนต่างความต้องการ ยิ่งคนเยอะก็ยิ่งต้องใช้เวลาและความละเอียดอ่อน
ในขณะที่การทำ Recruitment เองก็เป็นงานที่ต้องใช้เวลา เพื่อคัดกรองคนที่เหมาะสมกับองค์กรมากที่สุด
ดังนั้นงานส่วนอื่นๆ ก็อาจจะถูกเบียดและประสิทธิภาพลดลงซึ่งไม่เป็นผลดีต่อองค์กรอย่างแน่นอน
ในส่วนนี้หลายองค์กรจึงมองหา Partner อย่าง Recruitment Agency
ที่เข้ามาช่วยงานเป็นแขนขาให้กับฝ่าย HR อุดช่องว่างในเรื่องของภาระงานรวมถึงระยะเวลาที่ต้องใช้ในการหาผู้สมัคร
และเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีที่ Reeracoen Thailand ได้รับความไว้วางใจจาก Partner และบริษัทชั้นนำกว่า 13,000 องค์กร
ในการค้นหาผู้สมัครที่ตรงตามโจทย์และมีคุณภาพภายใต้การทำงานโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์
พร้อมเครื่องมือที่จะทำให้การ Recruit กลายเป็นเรื่องง่าย
ติดต่อเราพร้อมให้คำปรึกษาโดย Recruiter มืออาชีพ
#ReeracoenRecruitment #ReeracoenThailand
#Recruitment #สมัครงาน #รับสมัครงาน