อย่าละเลยความเครียดจนนำไปสู่ความพินาศ
สังเกต 9 สัญญาณสภาวะหมดไฟที่เราอาจไม่รู้ตัว
สิ้นปีทีไรทำไมคนเรามักจะเริ่มค่อยๆ ปล่อยวางความคิดเรื่องงาน แล้วพยายามมองหาความสุขรอบตัวมาเยียวจิตใจกันมากขึ้น ก่อนจะสรุปว่าสาเหตุเป็นเพราะเหนื่อยล้าสะสมกันมาทั้งปี เคยสังเกตตัวเองกันไหมว่าหรือสาเหตุที่ทำให้เราเฉื่อยแบบนี้อาจเกิดจากร่างกายกำลังฟ้องถึงสภาวะ “หมดไฟในการทำงาน”
จากเหตุการณ์ต่างๆ ในปีนี้ไม่แปลกเลยที่หลายคนจะเริ่มรู้สึกท้อ เพราะตลอดปีมีแต่ข่าวปลดพนักงาน เลิกกิจการ และธุรกิจปิดตัว เมื่อเจอกับความไม่มั่นคง ขวัญกำลังใจที่มีอยู่ก็เลยเหือดแห้งไป
เชื่อไหมว่าเมื่อปลายปี 2023 ที่ผ่านมามีการคาดการณ์ถึงภาวะ Burnout ว่าจะเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของโลกการทำงานในปี 2024 นี้ ซึ่งในฝั่งตัวแทนจากองค์กรเองก็เชื่อว่าพวกเขาคงไม่สามารถรับมือได้ ดังนั้นในฐานะที่เวลาค่อยๆ นับถอยหลังก่อนจะถึงวันสิ้นปีไปเรื่อยๆ Reeracoen Thailand อยากชวนทุกคนมาฟังเสียงตัวเองว่าปัจจุบันร่างกายและจิตใจกำลังคิดอย่างไรกับงานในตอนนี้ เพราะถ้าเราปล่อยปละละเลยไปจนก้านไม้ขีดมอดดับไปแล้ว ตอนนั้นก็อาจจะสายเกินกว่าจะจุดไฟการทำงานขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
สังเกต 9 สัญญาณสภาวะหมดไฟที่เราอาจไม่รู้ตัว
- มักจะนึกถึงการลาออกอยู่บ่อยๆ
- หลุดการควบคุมอารมณ์ระหว่างทำงานมากขึ้น
- มีความเครียดสะสมเกิดขึ้นต่อเนื่อง
- สลัดความวิตกกังวลเกี่ยวกับงานออกไปไม่ได้
- ต้องหาที่ระบายเพื่อปลดปล่อยเรื่องหนักใจออกไปเสมอ
- เคยสงสัยถึงคุณค่าในสิ่งที่กำลังทำอยู่
- ใช้ความพยายามลากตัวเองให้ลุกจากเตียงมาทำงาน
- ไม่สามารถใช้สมาธิจดจ่อกับงานได้เหมือนเมื่อก่อน
- เริ่มมีปัญหาด้านการนอนหลับ
แน่นอนว่าความเครียดและความเหนื่อยล้าในแต่ละวันส่งผลให้ “ทุกคน” มีโอกาสที่จะ Burnout กันได้ทั้งนั้นหากไม่สามารถจัดการ Work-life balance อย่างเหมาะสม ซึ่งปัญหาที่ตามมาของภาวะหมดไฟก็คือผลกระทบต่ออนาคต เมื่อประสิทธิภาพการทำงานลดลงก็จะทำให้เจอความกดดันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่สามารถจุดไฟให้ลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ติดตามอ่านต่อได้ที่: ถ้าไม่ได้ทำเพื่องาน ก็คิดซะว่าทำเพื่อเงิน!
ลอง 6 วิธีจุดไฟให้ตัวเองพ้นอันตรายจากช่วง Burnout
หางานใหม่ที่ตรงใจ แบบไม่จำเป็นต้องยื่นสมัครเอง เปิดประตูโอกาส ฝากโปรไฟล์กับ Reeracoen Thailand