AI กำลังเข้ามามีบทบาทในงาน HR และ Recruitment มากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการคัดกรองเรซูเม่ การแมตช์ผู้สมัครกับตำแหน่งงาน
หรือแม้แต่ระบบจำลองการสัมภาษณ์ผ่าน AI ที่เริ่มมีในแพลตฟอร์มต่างๆ
.
ถึงแม้ว่าเครื่องมือ AI จะมีบทบาทในแต่ละส่วนมากขนาดนี้แล้ว
แต่สุดท้ายก็ยังไม่สามารถเข้ามาทดแทน Recruiter ที่เป็นมนุษย์ได้ 100%
เนื่องจากงานที่เกี่ยวข้องกับ “ความเป็นมนุษย์” นั้นอาศัยความละเอียดอ่อน
ซึ่งมีแต่มนุษย์ด้วยกันเท่านั้นที่สามารถทำหน้าที่ได้ดีที่สุด!
.
5 สิ่งที่ AI ยังแทน Recruiter ไม่ได้
1️⃣ ความเข้าอกเข้าใจ (Empathy)
AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ แต่ไม่อาจเข้าใจ “ความรู้สึก” ของอีกฝ่ายได้
ต่างจากที่ Recruiter ที่สามารถจับอารมณ์ ความกังวล และแรงจูงใจของผู้สมัคร
ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการช่วยให้ผู้สมัครเลือกตัดสินใจในลำดับถัดไป
สรุป AI อาจรู้ว่าผู้สมัครเหมาะกับงานนี้ไหมก็จริง
แต่ Recruiter นั้นอ่านออกว่าผู้สมัคร “อยาก” ทำงานนี้หรือเปล่า
.
2️⃣ การเจรจาต่อรอง (Negotiation & Persuasion)
AI อาจช่วยเทียบข้อมูลเงินเดือนและรูปแบบสวัสดิการ
แต่ Recruiter คือผู้ที่นำข้อมูลดังกล่าวไปเจรจาต่อรอง
เพื่อให้ได้ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทั้งบริษัทและผู้สมัคร
ดังนั้น AI อาจจะบอกตัวเลขที่เป็นข้อเท็จจริงได้
แต่ Recruiter ต้องช่วยให้ทุกฝ่ายตกลงกับดีลนี้
.
3️⃣ การสร้างความสัมพันธ์ (Relationship Building)
การเป็น Recruiter ไม่ใช่แค่หาคนให้บริษัท
แต่ต้องสร้างสะพานเครือข่ายระหว่างผู้สมัครกับองค์กร
ให้เกิดความไว้วางใจและสามารถทำงานร่วมกันในระยะยาว
ซึ่งการสร้างความผูกพันและรักษาไว้ก็ยังเป็นสิ่งที่ AI ทำไม่ได้
.
สรุป AI อาจค้นหาผู้สมัครใหม่ได้เรื่อยๆ
แต่ Recruiter นั้นสามารถสร้าง Candidate Pool ที่มีคุณภาพได้
.
4️⃣ การประเมินในเชิง “ความเป็นมนุษย์” ของผู้สมัคร
จุดเด่นของ AI อาจเป็นการคัดกรองที่แม่นยำโดยใช้ Keyword Matching
แต่สำหรับ Recruiter ต้องดูว่า “เคมีของผู้สมัคร” เข้ากับทีมได้ไหม
หากเข้าไปอยู่ในองค์กรแล้วจะสามารถปรับตัวได้ดีแค่ไหน
เช่น โปรไฟล์อาจจะไม่ได้เด่นทุกด้าน แต่มีทัศนคติดีพร้อมไปต่อได้
ความแตกต่างจึงเป็นการคาดการณ์ศักยภาพในอนาคต
.
5️⃣ ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ในการแก้ปัญหา
บางครั้งการหาคนที่ตรงเป๊ะกับ JD เท่านั้นก็ยากจนอาจถึงขั้นเป็นไปไม่ได้
ทำให้ Recruiter ต้องมีไหวพริบในการเสนอทางเลือกอื่นเพื่อหาข้อสรุป
เช่น ปรับ JD ลดเงื่อนไขแล้วหาคนที่สามารถพัฒนาได้แทน
หรือใช้ช่องทางใหม่ในการหาผู้สมัคร ซึ่ง AI ไม่สามารถคิดนอกกรอบแบบนี้ได้
เนื่องจาก AI จะทำหน้าที่ตามที่ถูกกำหนดไว้ “ในกรอบ”
แต่ Recruiter สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการให้เหมาะกับสถานการณ์ได้
.
โดยสรุป
งานที่อาศัยความละเอียดอ่อนซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของมนุษย์
ทำให้ AI เป็นเพียงได้แค่ “ตัวช่วย” และ Recruiter ยังคงเป็นหัวใจหลัก
.
หลายคนสงสัยว่าในอนาคต AI จะมาแทน Recruiter หรือ HR ไหม
คำตอบนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเทคโนโลยีพัฒนาไปไกลได้แค่ไหน
แต่อยู่ที่ “เรากำลังทำหน้าที่ Recruiter ในแบบไหน” ต่างหาก
.
ลองย้อนกลับมาถามตัวเองว่า
ใช้ Empathy ในการเข้าใจผู้สมัครหรือไม่?
ใช้ทักษะการเจรจา เพื่อปิดดีล หรือแค่เป็นคนกลางส่งข้อเสนอ?
สร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย หรือแค่รับใบสมัครแล้วส่งต่อ?
นำความคิดสร้างสรรค์แก้ปัญหา หรือทำแค่ตามกระบวนการเดิมๆ?
.
ถ้าสิ่งที่เราทำในทุกวันนี้มีเพียงแค่
รับใบสมัคร ⏭️ ส่งให้หัวหน้า ⏭️ รอคำตอบ
โอกาสจะถูก AI เข้ามาแทนที่ก็มีสูงขึ้นเรื่อยๆ
.
แต่ถ้าเราเป็น Recruiter ที่เข้าใจมนุษย์ เจรจาต่อรองเป็น
สามารถคิดแก้ปัญหาและสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน
AI ก็จะเป็นเพียงเครื่องมือช่วยทำงานเท่านั้น
.
คำตอบสุดท้ายสำหรับคำถามว่า AI จะเข้ามาแทนที่เราไหม
ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังทำหน้าที่ของตัวเองแบบไหนต่างหาก!
.
#ReeracoenRecruitment
#ReeracoenThailand
#Recruiters #AI