เจอผู้สมัครที่ใช่ ทุกอย่างดูลงตัว แต่พอถึงขั้นตอนเสนอเงินเดือน กลับปฏิเสธข้อเสนอซะงั้น!
HR หลายคนคงมีโอกาสเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วหลายครั้ง อย่างนิ่งนอนใจแล้วมองว่ามันเป็นเรื่องปกติแล้วปล่อยไป ซึ่งอาจจะทำให้คุณเสียโอกาสกับผู้สมัครเก่งๆไปได้ เพราะจริงๆแล้วมันอาจจะมีบางอย่างที่ HR สามารถปรับปรุง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้สมัครตอบรับข้อเสนอของเราในอัตราที่สูงขึ้นได้
เท่าที่มีโอกาสพูดคุยกับหลายคนที่ปฎิเสธข้อเสนอ เราพบว่า เหตุผลที่พวกเขาปฏิเสธ มักจะซ้ำ ๆ กัน ซึ่งขอแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ:
ปัจจัยที่เรา (HR/Recruiter) ควบคุมไม่ได้
มีบริษัทอื่นเสนอเงินเดือนหรือเงื่อนไขดีกว่า
- การแข่งขันในโลกการจ้างงานตอนนี้เร็วมาก บางทีผู้สมัครหรือ Talent ที่เก่งๆ หลายครั้งที่ดูสนใจเรา แต่ให้นึกไว้ก่อนว่าเค้าอาจมีข้อเสนอดีๆจากที่อื่นรออยู่ และถ้าคู่แข่งตัดสินใจเร็วกว่าหรือให้แพ็คเกจดีกว่า ผู้สมัครก็มักเลือกไปที่นั่น
ผู้สมัครเปลี่ยนใจเรื่องเส้นทางอาชีพ
- เคยมีเคสที่ผู้สมัครรับ offer ไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่มาเริ่มงาน เพราะอยากทำงานในอุตสาหกรรมหรือตำแหน่งใหม่ๆ
ปัจจัยส่วนบุคคล เช่น ครอบครัวหรือการเดินทาง
- บางคนตอบรับข้อเสนอแล้ว แต่พอไปคิดจริง ๆ เรื่องการเดินทาง หรือความสะดวกในการใช้ชีวิต มันไม่ตอบโจทย์ เลยต้องปฏิเสธ
ปัจจัยที่เรา (HR/Recruiter) พอจะควบคุมได้
Process ช้าเกินไป
- เคยมีเคสที่ผู้สมัครสนใจมาก ๆ แต่กระบวนการสัมภาษณ์ยืดเยื้อ HR รอการอนุมัติจากฝ่ายต่าง ๆ นานไป พอจะส่ง offer ไปก็สายไปแล้ว เพราะเค้าเลือกบริษัทอื่นไปก่อน
เงินเดือนและสวัสดิการไม่ตอบโจทย์
- ผู้สมัครเดี๋ยวนี้เช็คอัตราเงินเดือนจากหลายแหล่ง บางคนมีตัวเลขในใจอยู่แล้ว หรือมีทางเลือกให้การหางานมากขึ้น ถ้าข้อเสนอเราต่ำกว่าที่คาดหวังมาก ๆ ก็มีโอกาสจะถูกปฎิเสธได้ง่ายเช่นกัน
ไม่เห็นโอกาสเติบโตที่ชัดเจน
- ผมเคยเจอผู้สมัครที่ชอบงาน ชอบทีม แต่พอถามเรื่องอนาคตขององค์กรแล้วรู้สึกว่ามันไม่ชัด เลยลังเลที่จะรับงาน บริษัทที่มีแผน Career Path ความคาดหวังหรือแพลนขององค์กรชัด ๆ มักได้เปรียบตรงนี้
Candidate Experience ไม่ดี
- บางครั้งไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่อง “ความรู้สึก” ที่ผู้สมัครมีต่อบริษัทระหว่างกระบวนการสัมภาษณ์เคยมีเคสที่ผู้สมัครบอกว่า “ตอนสัมภาษณ์เหมือน HR ไม่ได้ให้ความสำคัญเลย คุยแบบรีบๆ” หรือ “Feedback จากบริษัทช้ามาก ทำให้รู้สึกไม่ค่อยโอเค”
แล้วถามว่าเราจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไง?
ก่อนอื่นเลยคือการเก็บ feedback จากการสัมภาษณ์ผู้สมัคร หรือแม้แต่เก็บข้อมูลการตอบรับและปฎิเสธขององค์กรเพื่อนำมาวิเคราะห์และแก้ปัญหาการ Hiring แล้วก็อย่าลืมดูปัจจัยการปฎิเสธที่เราสามารถควบคุมมันได้
อย่าปล่อยให้ขั้นตอนต่างๆนานเกินไป
สิ่งที่เราควรเริ่มทำคือควรกลับไปย้อนดูขั้นตอนการสัมภาษณ์และการ feedback ขององค์กร และดูว่ามีจุดไหนที่มักจะใช้เวลาหรือขั้นตอนที่เกินความจำเป็น พร้อมเช็คว่าขั้นตอนนั้นๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นมั๊ย หรือเราสามารถลดขั้นตอนหรือระยะเวลานั้นๆลงได้รึเปล่า ซึ่งถ้าเราหมั่นตรวจสอบและปรับปรุงบ่อยๆ ก็จะช่วยให้ process การ Hiring ขององค์กรเรา lean ขึ้นและสามารถแข่งขันกับองค์กรอื่นๆได้
ตรวจสอบให้ข้อเสนอองค์กรสามารถแข่งขันได้
HR ควรมีการเก็บข้อมูลเงินเดือนทั้งในและนอกองค์กรที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันเพื่อทำข้อมูลเปรียบเทียบรายได้และผลตอบแทนต่างๆ นำไปพูดคุยกับฝ่ายบริหารเพื่อหาข้อเสนอให้น่าดึงดูดมากขึ้น
สร้างประสบการณ์สัมภาษณ์ที่ดี
Candidate Experience มีผลต่อการตัดสินใจของผู้สมัครในการตอบรับ offer ของเรามากกว่าที่คิด เพราะประสบการณ์ในการสัมภาษณ์กับองค์กรเป็นจุดแรกที่ผู้สมัครจะรับรู้ถึงการให้ความสำคัญของพนักงานในองค์กร HR ควรมีบทบาทและมีส่วนร่วมรวมถึงสื่อสารให้กับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการ hiring ด้วย
สื่อสารเรื่องโอกาสในการเติบโตให้ชัดเจนในการสัมภาษณ์
นอกจากเรื่องของรายได้ ความน่าสนใจของตัวงานแล้ว โอกาสในการเติบโตก็เป็นปัจจัยที่ผู้สมัครจะใช้ในการเลือกโอกาสงานในอนาคต อย่าลืมที่จะแชร์ความคาดหวังขององค์กร สิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญ และโอกาสที่ผู้สมัครจะเติบโต เพื่อความชัดเจน ก็จะช่วยให้ผู้สมัครตอบรับ offer งานของเราได้มากขึ้น
ถ้าหากเราให้ความสำคัญกับขั้นตอนเหล่านี้ ก็มั่นใจได้ว่าอัตราการปฎิเสธ Offer จะลดลงแน่นอน !
#Recruitment #TalentAcquisition #HiringTips