ลาออก แต่ไม่พร้อมหาใหม่ ทำไมการหางานผ่าน Recruitment Agency ถึงเป็นทางออกที่ดี
เวลาเราเริ่มมีปัญหากับงานขึ้นมาผลกระทบมักจะไม่จบแค่ความคิดอยากจะลาออกไปพักใจเพราะบางคนอาจลากยาวออกไปถึงขั้นไม่อยากกลับไปเริ่มต้นชีวิตการทำงานใหม่อีกแล้ว ด้วยหลายเหตุผลตามแต่สถานการณ์ส่วนตัว อาทิ
- ไม่ไหวหากต้องกลับไปเจอกับปัญหาเดิมๆ ในที่ทำงาน
- สภาพจิตใจ Burn out จนไม่พร้อมแข่งขันเพื่อหางานใหม่
- อยู่ระหว่างการตัดสินใจทิศทางชีวิตตัวเองหลังจากนี้
- ไม่มั่นใจในทักษะความสามารถที่จำเป็นต่องานใหม่
ซึ่งความรู้สึกดังกล่าวดูไม่ต่างอะไรกับภาวะหมดไฟในการทำงาน เนื่องจากปัญหาร้อยแปดที่เจอมาแต่ละอย่างมันหนักหน่วงเกินจะแก้ไหวจะให้รีบเก็บกู้อารมณ์พังๆ แล้วไปเริ่มต้นใหม่ก็คงไม่ง่ายอย่างใจคิด สำหรับคนที่ไม่มีหนี้สินอะไรให้กังวลก็อาจพอรักษาตัวรอดได้สักพัก แต่กลับกันคนที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่าย มีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบก็จำเป็นต้องรีบฟื้นพลังปลุกไฟในตัวให้ไวก่อนตัวเลขในบัญชีจะถึงศูนย์
หนึ่งในทางออกที่ดีที่สุด และเหมาะอุดช่องว่างอารมณ์หน่วงหลังลาออก
คือการหางานผ่าน Recruitment Agency ด้วย 5 เหตุผลต่อไปนี้
เป็นการหางานด้วยรูปแบบ Passive Job Opportunity
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุปสรรคใหญ่ของการหางานสำหรับหลายคนคือขั้นตอนการสมัครที่ทั้งยุ่งยากและกินทรัพยากรไม่น้อย กว่าจะเข้าเว็บประกาศ เลื่อนหางานที่น่าสนใจจนเจอ ยังต้องใช้เวลานั่งอ่านรายละเอียดตัวงานและผลตอบแทน ซึ่งพิจารณาจนจบก็ไม่แน่ว่าจะตอบโจทย์เป้าหมายของเราไหม ยังไม่นับขั้นตอนหลังจากนี้ที่ยังมีงานให้ออกแบบเรซูเม่ เขียนจดหมายสมัครงาน จัดการเอกสาร ศึกษาข้อมูลองค์กร แล้วรอลุ้นผลให้บริษัทเรียกเข้าสัมภาษณ์
แต่การฝากโปรไฟล์หางานกับ Recruitment Agency มีรูปแบบที่แตกต่างไปจากการสมัครผ่านหน้าเว็บอย่างสิ้นเชิง นอกจากจะค้นหาตำแหน่งงานต่างๆ ด้วยตัวเอง ยังสามารถได้รับการนำเสนองานที่น่าสนใจผ่านตัวแทน (รีครูตเตอร์) ลักษณะเหมือน Match maker ที่จับคู่ความต้องการขององค์กรและผู้สมัครเข้าหากัน ทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จในการมองหางานได้มากขึ้น
ตัวอย่างขั้นตอนการหางานผ่านบริษัทจัดหางาน
- ผู้สมัครลงทะเบียนสร้างโปรไฟล์เข้ามาในระบบพร้อมกรอกรายละเอียดทักษะ
ประสบการณ์ ความคาดหวังเงินเดือน สถานที่ที่สะดวกไปทำงาน และลักษณะงานที่สนใจให้ครบถ้วน - รีครูตเตอร์ได้รับรายละเอียด Job จากทางพาร์ทเนอร์แล้วทำการค้นหาข้อมูลโปรไฟล์ผู้สมัครที่แมตช์กับตัวงาน
- หากคุณสมบัติเบื้องต้นเหมาะสมตรงกับตัวงานก็จะเริ่มติดต่อแนะนำงาน
และรีเช็กข้อมูลผู้สมัครก่อนเข้าสู่กระบวนการพิจารณากับทางบริษัทพาร์ทเนอร์
สะดวกสบาย ไม่ต้องดำเนินการด้วยตัวเอง
หากการค้นหางานใหม่ที่ใช่กว่าเดิมเป็นเรื่องที่เข้ามาเพิ่มลำบากให้ชีวิตการหางานผ่าน Recruitment Agency คือทางออกที่ดีที่สุด เพราะการฝากโปรไฟล์เพียงหนึ่งครั้งสามารถช่วยให้ง่ายขึ้นได้ตั้งแต่เริ่มต้น
- ไม่เสียเวลาเข้าเว็บเช็คงานที่กำลังรับสมัครเองด้วยระบบแจ้งเตือนเมื่อมีตำแหน่งงานใหม่ที่ตรงกับความสนใจ
- ประหยัดเวลา มีคนช่วยดำเนินการแทน ทั้งช่วยแจ้งเตือนวันนัดหมายสัมภาษณ์ ยื่นเอกสารสมัครงาน ติดตามฟีดแบคจากทางบริษัท และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้สมัครสามารถผ่อนคลาย โฟกัสที่งานใหม่ได้อย่างเต็มที่
- มีตัวแทนช่วยติดต่อสื่อสาร เจรจาเรื่องต่างๆ ในกรณีที่รายละเอียดต่างๆ ไม่ลงตัวและต้องหาข้อสรุป ซึ่งบางครั้งอาจเป็นเรื่องที่ไม่สบายใจ เช่น การต่อรองเงินเดือน ก็สามารถแจ้งผ่าน Recruiter ที่มีทักษะอยู่แล้วให้เข้ามาช่วยเหลือได้
ได้ข้อมูล Insight ซัพพอร์ตก่อนเข้าสัมภาษณ์
เช่น ความคาดหวังจากการทำงาน สาเหตุของการเปิดรับสมัครในตำแหน่งนั้น รายละเอียดสำคัญอื่นๆ ที่ไม่ควรพลาด สถานะของตำแหน่งงาน รวมถึงผู้สมัครคนอื่น โดยเฉพาะรายละเอียดของงานที่ไม่ได้ถูกระบุไว้ในเรซูเม่ ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจภาพรวมและสามารถวางแผนนำเสนอได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นผู้สมัครที่หางานผ่านเอเจนซีจะมีความพร้อมสูงสุดการสัมภาษณ์งานเสมอ
ขั้นตอนดำเนินการเร็ว รู้ผลสัมภาษณ์ไว
การทำงานระหว่างเอเจนซีจัดหางานกับบริษัทพาร์ทเนอร์ มักจะเป็นการติดต่อโดยตรงประสานงานโดยตรงกับผู้มีอำนาจตัดสินใจ เมื่อไม่ต้องผ่านลำดับขั้นตอนตามระบบการสมัครทั่วไปจึงมีโอกาสที่จะดำเนินการตัดสินใจได้เร็วและอัปเดตฟีดแบคกันได้ไว ทำให้ผู้สมัครไม่เสียเวลารอผลสรุปนานแบบที่ผ่านๆ มา
ดำเนินการฟรีทุกขั้นตอน ไม่มีค่าใช้จ่าย
เหตุผลสุดท้ายคือการหางานผ่านเอเจนซีสามารถทำได้ฟรี ไม่มีค่าใช้ในทุกกรณี ดังนั้นเพื่อโอกาสที่มากขึ้นในยุคที่การแข่งขันสูงแบบในปัจจุบัน
นอกจากหางานที่สนใจด้วยตัวเองแล้วอย่าลืมเพิ่มช่องทางการเข้าถึงงานอื่นๆ ฝากโปรไฟล์หางานไว้กับผู้ช่วยที่เข้าใจเป้าหมายทางอาชีพของเรา สร้าง Passive Job Opportunity และให้โอกาสงานเหล่านั้นเป็นฝ่ายวิ่งหาคุณ