Reeracoen Thailand Regional Blog

  • Job Seekers
  • Employers

รู้จัก Professional Blind Spot กับดัก 3 ข้อที่ทำให้เราไม่ก้าวหน้า

  • Home
  • General Topic
  • รู้จัก Professional Blind Spot กับดัก 3 ข้อที่ทำให้เราไม่ก้าวหน้า

Select Category

รู้จัก Professional Blind Spot กับดัก 3 ข้อที่ทำให้เราไม่ก้าวหน้า

หากทุกวันนี้คุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่าแม้เราจะทำงานหนักแค่ไหน ทุ่มหมดใจใส่หมดตัวเพื่อบริษัทเท่าไรก็ยังไม่เคยได้โอกาสเลื่อนตำแหน่ง หรือสิ่งตอบแทนดีดีกลับมาเลย ถึงเวลารู้จักและจัดการกับ “Professional Blind Spot” จุดบอดที่เป็นกับดักฉุดรั้งความก้าวหน้าของคนทำงาน แม้จะทุ่มเทแค่ไหนก็ตามก็ยังไม่ดีพอในสายตาคนอื่นๆ อยู่ดี

บทความเรื่อง Do You Have Any of These Professional Blind Spots จาก Psychologytoday ได้อธิบายถึง กับดัก 3 ข้อ ของคนทำงาน ที่เรามักจะพลาดหรือมองข้ามไป จนไม่สามารถก้าวหน้าในเส้นทางการทำงาน ได้แก่

  • การเชื่อมั่นทำแต่สิ่งเดิมๆ

อะไรที่คิดว่าดีอยู่แล้วก็อาจสามารถดีขึ้นได้อีก แค่เพียงเรากล้าคิด กล้าเสนอ นอกจากทำงานตามหน้าที่ได้ดีเราควรพลิกบทบาทตัวเองมาเป็น “ผู้นำ” ที่คอยเสนอไอเดียใหม่ๆ หรือภาพใหญ่ที่สร้างความแตกต่างให้องค์กรและเพื่อนร่วมทีมไปในทางที่ดีขึ้น เพราะการเป็น “ผู้ตาม” คอยทำงานที่ได้รับมอบหมายเพียงอย่างเดียวยังไม่พอ เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นนักคิดในเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ และสามารถพาทุกคนไปสู่ความสำเร็จ พัฒนาทักษะผู้นำ ซื้อใจคนรอบข้างไปพร้อมกับการรักษามาตราฐานการทำงาน เพื่อเปิดโอกาสความก้าวหน้าให้ตัวเองมากขึ้น

  • คาดหวังให้ทุกคน “เก่ง” เหมือนกันหมด

การทำงานเร็ว ทำงานดี คือหนึ่งในคุณสมบัติที่ดี และสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีได้ แต่ไม่ควร “คาดหวัง” ว่าทุกคนจะสามารถทำได้เหมือนตัวเอง เพราะผู้นำที่ดีจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่จะพาทุกคนเข้าเส้นชัยไปพร้อมกันด้วยวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสม

จงเป็นคนที่เก่ง และเป็นหัวหน้าที่ดีด้วย เพราะเป้าหมายส่วนรวมก็มีค่าไม่น้อยไปกว่าความสำเร็จส่วนตัว หากทุกวันนี้เราเป็นผู้นำที่ “เร่ง” ทุกอย่างมากเกินไป ให้เวลาทำงานเพียงน้อยนิดและคาดหวังผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบเพราะ “ตัวเองทำได้” ถึงเวลาหยุดสักพักแล้วมองดูคนรอบข้าง งานจะดีอย่างยั่งยืน เราและเพื่อนร่วมทีมต้องมีความสุขในการทำงานด้วย ถ้าทุกงานเริ่มต้นด้วยความกดดัน เร่งด่วน เวลาน้อยแต่หวังผลเลิศตลอดเวลา สุดท้ายปลายทางก็คือการหมดไฟ สร้างความสมดุลให้กับ Work life balance ทั้งทำงานดีและบริหารเวลาของตัวเองกับทีมอย่างมีประสิทธิภาพไปพร้อมๆ กัน

  • คอยรับบท “ตัวร้าย” ด้วยความหวังดี

“ไอนั่นก็ไม่ดี ไอนี่ก็ใช้ไม่ได้” หากคุณคอยรับบทตัวร้าย คอยขัดขาคนอื่นในทุกการประชุม อาจเป็นจุดที่ทำให้คนอื่นๆ ไม่ว่าจะลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่หัวหน้า มองเราในฐานะคนที่ไม่น่าร่วมงานด้วย แม้ความจริงแล้วเราจะทำไปด้วยความหวังดีอยากให้งานออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุดก็ตาม ถ้าเราทำงานเก่ง แต่เป็นแหล่งพลังงานลบในองค์กร คอยทำลายความสัมพันธ์ระหว่างทีม ไม่มีความสามารถในการบริหารคน โอกาสในการเติบโตก็คงลดน้อยตามไปด้วย

ในฐานะคนทำงาน แน่นอนว่าทุกคนก็ย่อมอยากให้งานออกมาดีที่สุด แต่ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องรับบทตัวร้ายคอยยกธงแดงให้กับทุกๆ คน เราต้องรู้จัก “จังหวะที่เหมาะสม” รู้ว่าเมื่อไรควรรุก ตอนไหนควรถอยและเรียนรู้ที่จะใช้ทักษะโน้มน้าวใจ ไม่ใช่โต้เถียง

เมื่อรู้จักกับกับดักทั้ง 3 ข้อแล้ว ถึงเวลาหันมาทบทวนกับตัวเองให้มากขึ้น สังเกตตัวเอง ถามจากคนรอบข้างถึงวิธีการ แนวทาง และพฤติกรรมที่เราเป็น เพราะการจะแก้ไขปัญหาใดๆ ก็แล้วแต่ ต้องเริ่มที่ความเข้าใจในสิ่งนั้นก่อน แม้ว่าการเป็นตัวของตัวเองจะเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าลืมว่าอะไรที่ดีแล้ว ก็สามารถดีขึ้นได้อีก อยู่ที่ว่าเรากล้าเปิดใจ ออกจากกรอบเดิมๆ เพื่อคว้าโอกาสใหม่ๆ นั้นไว้หรือเปล่า

ติดตามบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม:

3 เทคนิคตอบคำถาม “ทำไมถึงอยากทำงานที่นี่”

ในโลกอันกว้างใหญ่ การตามหา “คนที่ใช่” จึงเป็นความท้าทายสำหรับองค์กร

แปลและเรียบเรียงจาก:

https://bit.ly/3Re5mWi

Related Posts