Reeracoen Thailand Regional Blog

  • Job Seekers
  • Employers

“บริษัทต้องการคนมีไฟ” การแสดงแพชชันสำคัญอย่างไรในระหว่างสัมภาษณ์งาน

  • Home
  • How to
  • “บริษัทต้องการคนมีไฟ” การแสดงแพชชันสำคัญอย่างไรในระหว่างสัมภาษณ์งาน

Select Category

“บริษัทต้องการคนมีไฟ” การแสดงแพชชันสำคัญอย่างไรในระหว่างสัมภาษณ์งาน

รู้หรือไม่ หนึ่งในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างการสัมภาษณ์งานที่แม้ว่าเราจะมีทักษะ หรือประสบการณ์น่าสนใจมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่สามารถแสดงออกถึง “แพชชัน” หรือความหลงใหลที่มีต่องานก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เราถูกปฏิเสธจากองค์กรได้เช่นกัน

ทำไมแพชชันถึงเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่บริษัทมองหาจากผู้สมัคร

สาเหตุที่แพชชัน (Passion) หรือความหลงใหลที่มีต่อการทำงานเป็นหนึ่งในปัจจัยที่องค์กรมักจะนำมาประกอบการตัดสินใจคัดเลือกพนักงาน เนื่องจากเป็นคุณสมบัติที่สร้างผลกระทบเชิงบวกให้องค์กรในหลายแง่มุม เปรียบเสมือน “หัวใจ” ที่พนักงานมีให้กับบริษัท ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ลดอัตราการลาออก ยืดอายุงานของพนักงานให้ยาวนานขึ้น ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตก้าวหน้าได้อย่างต่อเนื่อง

บริษัทส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญมากๆ เพราะเป็นเครื่องยืนยันว่าพนักงานจะใช้ทั้งความสามารถและหัวใจเพื่อประสบความสำเร็จในองค์กร

การแสดงแพชชันออกมาในขณะการสัมภาษณ์งาน จึงเป็นหน้าที่ที่ผู้สมัครต้องถ่ายทอดออกมาให้นายจ้างมองเห็น เพราะในการแข่งขันระหว่างแคนดิเดทที่มีโปรไฟล์คล้ายกันสิ่งที่จะสร้างความต่างก็คือ “หัวใจ” ซึ่งใครก็ลอกเลียนแบบกันไม่ได้

และเพื่อนๆ คงสงสัยว่าเราจะแสดงแพชชันระหว่างสัมภาษณ์ได้อย่างไร ของแบบนี้ต้องสัมผัสจาก “การกระทำ” มากกว่าคำพูดหรือเปล่า

Reeracoen Thailand ขอบอกเลยว่าในการสัมภาษณ์งานคือโอกาสดีที่เราจะได้ทำคะแนนแซงคู่แข่งคนอื่นๆ
หากรู้จักเทคนิคการนำเสนอที่นำไปปรับใช้ได้ไม่ยาก พร้อมแล้วก็เริ่มกันเลย!

1. รู้จักองค์กรและความเคลื่อนไหวในกลุ่มธุรกิจ
การใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับบริษัทและประเภทธุรกิจของบริษัทนั้นๆ ให้มีคลังข้อมูลอยู่ในระดับที่ลึกกว่าเรื่องทั่วไปสักหน่อย เช่น วิสัยทัศน์ผู้บริหาร อุปสรรคที่องค์กรกำลังเผชิญ หรือเทรนด์ความเคลื่อนไหวของตลาดในขณะนั้นก็จะช่วยสะท้อนความเป็น “คนใน” ที่ใส่ใจรายละเอียดรอบตัวมากกว่าคนทั่วไป

2. สาเหตุที่ตัดสินใจยื่นสมัครงานในบริษัท
ในฐานะผู้สมัครเรามักจะเจอกับคำถามขององค์กรว่า “ทำไมเราต้องจ้างคุณ” หรือ “ทำไมอยากทำงานที่นี่” ซึ่งคำตอบที่เราให้กลับไปคือจุดชี้วัดอนาคตได้เลยว่าจะสามารถเรียบเรียงเหตุผลได้ชัดเจน และน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน

หากนายจ้างรู้สึกว่าเป้าหมายขององค์กรตรงกับเป้าหมายทางอาชีพ หรือชีวิตการทำงานในบริษัทสอดคล้องกับความสนใจส่วนตัวของผู้สมัคร ก็มั่นใจได้มากขึ้นว่าเราเป็นคนที่ใช่และเหมาะกับตำแหน่งนี้มากกว่าใคร

3. ความสุขที่ได้รับจากการทำงาน หรือความสำเร็จที่ผ่านมา
ความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาในคำตอบแต่ละประเด็นก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือแสดงความหลงใหลที่มีต่องานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับ “ความสำเร็จ” หรือ “ประสบการณ์” ที่ผ่านมา หากเรามีความตื่นเต้น รู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เล่าเรื่องราวของตัวเอง นายจ้างเองก็สามารถสัมผัสแพชชันจากสิ่งเหล่านั้นได้เช่นกัน

4. ความพยายามแบบ “พิเศษใส่ไข่”
ถ้าถามผู้บริหารทั้งหลายว่าลักษณะของ “ลูกจ้างที่ดี” มีหน้าตาเป็นแบบไหน หนึ่งในคำตอบที่จะได้รับคงไม่พ้นคนที่มีความทุ่มเทเป็นพิเศษพยายามมีส่วนร่วมกับองค์กรไม่ใช่แค่ก้มหน้าทำงานของตัวเองอย่างเดียว ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเสนอไอเดียใหม่ หรือวิธีการแก้ปัญหา เดินหน้าเข้าหางานโดยไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาสั่งอย่างเดียว คุณสมบัติเหล่านี้คือเครื่องยืนยันชั้นดีที่ควรแสดงออกให้องค์กรได้สัมผัส

5. เลือกใช้คำถามเชิงลึกโดยมีเป้าหมายชัดเจน
นอกจากเป็นฝ่ายตอบคำถามแล้ว วิธีที่จะทำให้เราเป็นผู้สมัครที่โดดเด่นและน่าจดจำมากขึ้นคือการแสดงความอยากรู้จักองค์กรเพิ่มเติมผ่าน “คำถาม” ที่ถูกกลั่นกรองอย่างดี ไม่ว่าจะด้านการทำงาน ภาพรวมองค์กร วัฒนธรรม โอกาสเติบโต หรือแม้แต่อุปสรรค เพื่อให้นายจ้างเห็นว่าเรามีความสนใจ และตั้งใจที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งจริงๆ

อ่านบทความแนะนำ 5 คำถามสัมภาษณ์งานสำหรับผู้สมัคร รู้ได้ทันทีว่าองค์กรไหนที่เราควรหนีไป!

ฝากโปรไฟล์สร้าง Passive Job Opportunityและให้โอกาสงานเป็นฝ่ายเข้าหาคุณ
ฝากโปรไฟล์สมัครงานผ่าน Reeracoen Thailand

Related Posts